“เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 18 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 1.8 พันล้านบาทแล้ว คาดการก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในปลายไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อมรับรู้รายได้ทันทีตามสัดส่วนการลงทุน
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่นว่า ขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 18 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,863.90 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ลงทุนผ่าน บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (CI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา ได้เริ่มก่อสร้างและพัฒนาโครงการแล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายไตรมาสที่ 3/2557 และหลังจากนั้นพร้อมจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ และรับรู้เป็นรายได้ตามสัดส่วนการลงทุนภายในปีนี้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น ขนาด 18 เมกะวัตต์ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 ได้มีมติให้แต่งตั้ง บริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด (PSCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวให้แก่ บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด จะดำเนินการพัฒนาโครงการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหาที่ดิน ใบอนุญาตต่างๆ ที่จำเป็น และเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ และการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้สามารถพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตามที่บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ ซึ่งปัจจุบัน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการนี้ ได้รับสิทธิในการขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่การไฟฟ้าฯ ของประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ที่ราคา 40 และ 36 เยนต่อหน่วย เป็นเวลา 20 ปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า และขายไฟคืนให้แก่การไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นได้ภายในปีนี้
สำหรับการมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ของ CHOW นายอนาวิล กล่าวว่า เพื่อสานต่อปณิธานของคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจอื่น รวมทั้งกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ ประกอบกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ สนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงในอนาคต ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
