เอ็กโซติค ฟู้ด พร้อมรุกตลาดซอสปี 60 เตรียมสยายปีกส่งออกรับกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น หลังโรงงานใหม่จะแล้วเสร็จ ธ.ค.นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โตอีก 20% ส่วนผลงานปีนี้ ยันเป้าหมายรายได้ทั้งปี 59 โตอีก 15% จากปีก่อน หลังเปิดงบ 9 เดือนปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 655.30 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 74.74 ล้านบาท ลดลง 2.12% ส่วนไตรมาส 3/59 รายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 199.79 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.03 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เหตุภาระค่าใช้จ่ายโรงงานแห่งที่ 2 ล่าช้า
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้มต่างๆ ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และในปีหน้า บริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีความแข็งแกร่ง ผลักดันให้ยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นได้ รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของสินค้าใหม่ที่วางจำหน่าย
โดยในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง จะแล้วเสร็จ และเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในไตรมาส 1-2 ของปี 2560 เป็นต้นไป จึงเชื่อมั่นว่า จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในการผลิตสินค้าประเภทซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโรงงานแห่งที่ 2 ในปีนี้ จะสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน และต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 3/2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 199.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2558 ที่ 21.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.12 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติ สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.03 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 61.08 จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 25.77 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 24.80 โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายก่อสร้างเริ่มดำเนินการในโรงงานแห่งที่ 2 ค่าเช่าคลังสินค้า และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน รวมทั้งค่าใช่จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ ได้ขอยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรม แหลมฉบัง ในไตรมาส 2/2559
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2559 มีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 655.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 101.34 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.29 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรส และน้ำจิ้มต่างๆ และกลุ่มเครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติ สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 74.74 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.12 จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 76.36 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าอยู่ที่ร้อยละ 32.99 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าร้อยละ 31.13 สาเหตุหลักเกิดจากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท
“กลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ XO ยังคงเดินหน้าสร้างยอดขายสินค้าที่ได้รับความนิยมในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มซอส และกลุ่มเครื่องดื่ม รวมทั้งนำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง มองหาตัวแทนจำหน่ายที่จะสนับสนุนช่องทางการขายของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และจากปัจจัยบวกในปีหน้า โรงงานใหม่แห่งที่ 2 แล้วเสร็จ จะสนับสนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น สามารถผลิตสินค้า และจัดส่งให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น จึงตั้งเป้าหมายปี 2560 คาดรายได้จะเติบโตขึ้นอีก 20% จากปี 2559 ส่วนผลงานไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมารายได้เติบโตขึ้น เป็นผลจากยอดขายกลุ่มซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้งสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม ที่มีการเติบโตโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิปรับลดลง มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงงานแห่งที่ 2 ที่มีปัญหาในการก่อสร้างทำให้ล้าช้ากว่ากำหนด แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้แน่นอน ประกอบกับการขอยกเลิก BOI ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าบางประเทศของเราได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงมีการต่อรองในเรื่องราคาสินค้าเข้ามาบ้าง แต่มองว่าเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น จึงคาดว่าผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง อาจมีการเติบโตในอัตราที่น้อยกว่าครึ่งปีแรก” นายจิตติพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2559 จะเติบโต 15% จากสิ้นปี 2558 อยู่ที่ราว 740 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ หลังผลงาน 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้าแล้ว 655.30 ล้านบาท สำหรับดีล M&A ของบริษัทฯ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจา และรอข้อสรุป ซึ่งยังไม่เห็นผลในปีนี้ สำหรับในปีหน้าหากมีความชัดเจนอย่างไรจะแจ้งให้นักลงทุนทราบอย่างแน่นอน