การเลือกตั้งที่สหรัฐฯ ยังสร้างความผันผวนต่อราคาทองคำ หลายนโยบายว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ที่กระตุ้นการจ้างงาน และเศรษฐกิจ กดดันราคาทองคำ สวนทางตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับ ประเมินแนวรับสำคัญ 1,241 เหรียญ/ออนซ์ หากไม่หลุดมีโอกาสดีดกลับขึ้นไปทดสอบ 1,283 เหรียญ/ออนซ์ ภาพรวมชี้การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรบ่งชี้โอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีสูงขึ้น
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาว่า มีการผันผวน และแกว่งตัวค่อนข้างมาก ปัจจัยสำคัญมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะช่วงที่คะแนนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นำนางฮิลลารี คลินตัน นั้น ราคาทองคำทะยานขึ้นถึง 1,337 เหรียญ/ออนซ์ แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาชี้ชัดว่า “ทรัมป์” ชนะ และเป็นว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ราคาทองคำถูกขายทำกำไร และอ่อนตัวลง
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำยังถูกกดดันจากทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ยังคงทะยานขึ้นหลังว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ส่งสัญญาณจะใช้มาตรการนโยบายด้านการคลังกระตุ้นการจ้างงาน และเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สหรัฐฯ มีโอกาสในการขยับดอกเบี้ย นั่นหมายถึงการกดดันสร้างแรงขายให้แก่ราคาทองคำ
สำหรับปัจจัยที่ยังต้องจับตา ต้องติดตามการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนว่าจะโยกเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะนโยบายของ “ทรัมป์” มีความชัดเจนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะดันให้ดัชนีดาวโจนส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่กองทุน SPDR มีการขายทองคำออกมาค่อนข้างชัด
“เราสามารถใช้ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ มาประมาณการต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เพิ่มเติม เช่น การเปิดเผยยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นมาตรวัดในส่วนของอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น”
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนอาจต้องรอจังหวะในการปรับตัวลงของราคาทองคำ เพราะแรงซื้อที่เข้าสู่ทองคำยังอ่อนแรง อีกทั้งแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ยังมีอยู่ โดยประเมินรับ 1,241 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวรับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม แต่หากราคาไม่สามารถยืนอยู่เหนือโซนดังกล่าวอาจต้องถอยไปเข้าซื้อที่ 1,208 เหรียญ/ออนซ์ และในระะยสั้นให้จับตาการดีดตัวหรือรีบาวนด์ขึ้นของราคา โดยมีแนวต้านที่ 1,283 เหรียญ/ออนซ์ และหากผ่านไปได้จะมีแนวต้าน 1,306 เหรียญ/ออนซ์ โดยอาจต้องทยอยแบ่งทองคำออกขายหากราคามีการรีบาวนด์ หรือดีดตัวขึ้น และยังไม่สามารถอยู่เหนือโซนแนวต้านดังกล่าว และรอการอ่อนตัวลงมาของราคาเพื่อกลับเข้าไปลงทุนใหม่ เนื่องจากแนวโน้มของราคารทองคำยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง