แนวโน้มเฟดชัดเจนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในธันวาคม และมีท่าทีปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เพื่อรองรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ "ทรัมป์" กดดันทองคำเคลื่อนไหวในขาลง แม้พบสัญญาณการนำเข้าทองคำจำนวนมากในอินเดีย ระยะสั้นประเมิน หากยืนเหนือ 1,175 - 1,171 เหรียญ/ออนซ์ ยังอาจเห็นการรีบาวนด์เล็กน้อย
"วรุต รุ่งขำ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่า ยังคงถูดกดดันจากการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมถึงทิศทางของตลาดเงินและตลาดทุน ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระดังกล่าวยังคงดึงเม็ดเงินออกจากตลาดทองคำ และทำให้ราคาทองคำมีการอ่อนตัวลง ซึ่งล่าสุดราคาทองคำปรับตัวลดลงไปอยุ่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน
เหตุเพราะนักลงทุะนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในนโยบายในเดือนธันวาคมนี้ และเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2560 จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้พยายามเตือนเกี่ยวกับงบดุล โดยเฉพาะงบประมาณที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ "โดนัลด์ ทรัมป์" จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากนั้นจะเป็นปัจจัยเร่งให้เฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามยังพบแรงซื้อเข้ามาในราคาทองคำ หลังมีรายงานว่าการนำเข้าทองคำของอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตภายในอินเดียจะต้องเร่งซื้อทองคำเพื่อนำมาทำการผลิตอัญมณี ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาตรการจำกัดการนำเข้าและโควต้าในการถือครองทองคำเหมือนในอดีต
ทำให้ปัจจัยที่จะต้องติดตามจากนี้ ถูกให้น้ำหนักไปที่ทิศทางดัชนีดอลลาร์สหรัฐ หากเริ่มชะลอตัว อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้แรงซื้อในฝั่งทองคำกลับมาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯยังเป็นอีกปัจจัยที่จะต้องติดตาม เช่น การประมาณการตัวเลขจีดีพีในไตรมาส3/59 , การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการจ้างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการสะท้อนทิศทางฝั่งตลาดแรงงงานได้ชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้แนะนำนักลงทุนจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่พยุงราคาทองคำในประเทศ และอาจจับตาดูแรงซื้อของกองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR หลัง 10 วันทำการที่ผ่านมามีการเทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหากกองทุนเริ่มกลับมาซื้อ จะทำให้ทิศทางราคาทองคำเริ่มกลับมาเป็นบวกได้บ้าง
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุน ต้องจับตาดูการสร้างฐานของราคาทองคำในแนวรับ 1,175 - 1,171 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาอ่อนตัวลงและไม่มีการสร้างแนวรับหรือจุุดต่ำสุดใหม่คาดการณ์ว่า ฐานจะมีความมั่นคงและมีโอกาสได้เห็นการรีบาวนด์ของราคา โดยมีแนวต้านที่ 1,203 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากราคากลับขึ้นไปยืนได้ จะทำให้แนวโน้มของราคาทองคำเป็นบวกมากขึ้น แต่ถ้ายืนไม่ได้นักลงทุนที่มีการถือครองทองคำไว้อาจต้องแบ่งทองคำออกขายก่อนราคาทองคำย่อตัวลงมาที่แนวรับเดิม และหากหลุดแนวรับดังกล่าว แนวรับถัดไปของราคาทองคำอยู่ 1,160 - 1,150 เหรียญ/ออนซ์
"นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากแนวโน้มยังเป็นทิศทางขาลงไม่ควรสะสมทองคำเพิ่ม แต่หากสามารถจับจังหวะการเหวี่ยงตัวของราคาเพื่อทำกำไรระยะสั้น มองว่ายังสามารถทำกำไรจากการแกว่งตัวได้"