xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนต่างชาติขายในเอเชียลดลง เป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST คาดทิศทาง SET ปรับตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป แต่กรอบการเคลื่อนไหวยังอาจเป็น sideway ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายในเอเชียลดลง เป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้น ส่วนผลประชุม ครม.บ่งชี้ว่า รบ.ยังเดินหน้ากระตุ้น ศก.อย่างต่อเนื่อง ประเด็นที่ว่าการขับเคลื่อนทาง ศก.จะชะงักงัน จึงถูกตีตกไป

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (19 ต.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,469-1,490 จุด จากปัจจัยบวกในเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่กดดันตลาดน้อยลง และปัจจัยในประเทศที่เริ่มดูดีขึ้น คาดจะทำให้ดัชนีฯ วันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากวันก่อน แต่กรอบการเคลื่อนไหวยังอาจเป็น sideway โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางตลาดในระหว่างวัน จะเป็นค่าเงินบาท (เทียบกับเงินเอเซียสกุลอื่น) และตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของจีนที่คาด 6.7% เท่ากับไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป ต่างเดินหน้าบวกด้วยปัจจัยของตัวเอง และมาถึงตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากเป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 คืนที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น เรามองเป็นบวก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำนั้น เป็นลบต่อผลประกอบการหุ้นกลุ่มนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว

ขณะที่ปัจจัยที่มีผลมาถึงตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้คงเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เพราะเงินเฟ้อไม่ได้สูงกว่าคาด และ Fed ไม่ได้มีท่าทีที่อยากขึ้นดอกเบี้ยมากนัก ค่า Fed fund futures probability เดือน ธ.ค. ลดลงมาอยู่ที่ 62.6% จาก 65.9% นั่นคือ โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. ลดลง เป็นบวกสั้นๆ ต่อตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหลายๆ ประเทศปรับตัวลง

ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นในตลาดเอเชียยลดลง เป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้น ด้านราคาน้ำมันดิบมีน้ำหนักในทางบวกมากขึ้นหลัง เนื่องจากเชื่อกันว่า การประชุม OPEC และผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 30 พ.ย.นี้ จะตกลงในโควต้าผลิตกันได้

ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานกำไรของกลุ่มธนาคารใกล้จบแล้ว กำไรสุทธิโดยรวมดีกว่าคาดข้อมูลเบื้องต้นของเราพบว่า ธนาคาร 8 แห่งที่รายงานกำไรสุทธิมาแล้ว มีกำไรโตขึ้น 14% YoY และ 2% QoQ แต่แนวโน้มกำไรของธนาคารบางแห่งที่ไปในทางลบ ส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มนี้เข้ามา

ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (18 ต.ค.) บ่งชี้ว่า รัฐบาลยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประเด็นที่ว่าการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจะชะงักจึงถูกตีตกไป

สำหรับประเด็นที่สำคัญของวันนี้น่าจะเป็นการขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ 6 วัน เกือบ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ 9% ของปริมาณซื้อสุทธิสะสมของปีนี้ที่ 1.33 แสนล้านล้านบาท ซึ่งถือว่ามีนัย แต่ตัวแปรที่ดูจะเป็นบวกในวันนี้จะเป็นราคา ETF ที่ชื่อ MSCI Thailand Capped ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันสองวัน ค่า Credit Default Swap ของไทยปรับตัวลดลง 2 วันติดต่อกัน

ขณะที่ค่าเงินบาทนั้น ก็ไม่ได้อ่อนกว่าเงินสกุลเอเชียสกุลอื่นๆ ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่า ความกังวลที่มีต่อตลาดไทยนั้นลดลง แต่ถึงกระนั้น หากวันนี้ตัวแปรที่กล่าวไปทั้งหมดยังคงส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง จะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น

นายมงคล เชื่อว่า นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ แต่จากที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า มีสัญญาณว่าจะนักลงทุนกลุ่มนี้จะชะลอการขายหุ้น น่าจะลดความกังวลในเรื่องนี้ลงไปได้บ้าง ทำให้มองตลาดวันนี้ว่า มีโอกาสที่จะบวกได้

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังแนะนำเป็นชะลอการลงทุน หรือเข้าเก็งกำไรเพียงช่วงสั้นๆ ในหุ้นขนาดกลาง และเล็ก ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่นั้น คงต้องเลือกเป็นตัวๆ ไป หุ้นที่เราแนะนำในวันนี้ ได้แก่ PTT BANPU KCE ITD และ TMT



กำลังโหลดความคิดเห็น