บล.เคทีบี ชี้ตลาดรับข่าวเฟดจ่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ส่งผลโดยรวมต่อตลาดการลงทุนทั่วโลก ทำให้เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียหลายๆ แห่ง แนะนักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เผยทิศทางตลาดในระยะกลางยังเป็นบวก แนะขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) มองแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้ (17 ส.ค.) ว่า นักลงทุนกำลังให้ความสนใจทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมามีทั้งทั้งบวกและลบ ขณะที่การให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงระบุว่าการประชุม FOMC ในวันที่ 20-21 ก.ย. มีความเป็นไปได้ที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินทุน (Fund Flow) โดยตรง เพราะไปมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่านักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียหลายๆ แห่งมีการขายทำกำไรออกมา บล. KTBST มองประเด็นนี้ว่า จะเป็นตัวถ่วงตลาดในวันนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดที่ปรับตัวขึ้นไปแตะ 46 เหรียญสหรัฐ เป็นบวกต่อตลาดหุ้น แต่อาจมีน้ำหนักน้อยกว่าเรื่องของทิศทางดอกเบี้ย
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แรงขายที่เกิดขึ้นหลังการรายงานผลกำไรของบริษัทในตลาดสิ้นสุดลง กำไรของบริษัทใน SET ข้อมูลเบื้องต้นของเราอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นประมาณ 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมารอก่อนหน้านี้แล้ว และวันนี้คงต้องตามดูผลการประชุม ครม.ว่าจะมีการอนุมัติเรื่องที่มีผลต่อการลงทุนหรือไม่ (วาระที่เข้าประชุมที่ทราบ คือ การจัดตั้ง Holding Company สำหรับรัฐวิสาหกิจ) ดังนั้น ภาพของตลาดหุ้นในวันนี้ จึงมองว่าผลจากแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ และแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ เป็นแรงกดต่อตลาดที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงจากวันก่อน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แรงขายหลังการรายงานงบการเงินไตรมาสที่สองผ่านไป และปัจจัยลบตามที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้การลงทุนในวันนี้ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ทิศทางตลาดในระยะกลางยังเป็นบวก การปรับตัวลงของดัชนีฯ เรามองเป็นการปรับฐานในช่วงสั้นๆ การลงทุนในวันนี้ควรมองในฝั่งขายไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก และไม่มีปัจจัยบวกรองรับที่เพียงพอ หุ้นกลุ่มธนาคาร ควรลดการ ถือลงบ้างในสภาวะแบบนี้ เพราะแรงกดดันจาก NPLs ที่ยังสูง แต่การขยายตัวด้านการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นลบต่อผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มนี้
ในขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ยังดูว่าเป็นบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นที่แนะนำเก็งกำไรช่วงสั้น ประกอบด้วย PTTEP, CPALL, ABICO, JWD มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,528-1,548