รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงการเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ.ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยทันทีที่เปิดตลาดในเวลา 10.00 น. ดัชนีราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 4.30 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 2.90 บาท/หุ้น
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC กล่าวว่า ดัชนีราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมานั้น ตนเองมองว่า สะท้อนตามกลไกตลาด ซึ่งจากการที่นักลงทุนให้การตอบรับที่ดี ส่วนหนึ่งมาจากความมั่นใจว่า พื้นฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพการแข่งขันสูงในระดับสากล ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯ เตรียมที่จะนำเงินที่ได้จากการะดมทุน โดยแบ่งเป็นใช้เป็นเงินทุนในการปรับปรุงการผลิต จำนวน 40 ล้านบาท และนำไปใช้ด้านการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก จำนวน 40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนระยะยาวนั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าจะพยายามขยายธุรกิจเคมีภัณฑ์เชื่อมประสานเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ นอกจากนี้ มีแผนที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น และขยายตลาดออกไปนอกจากที่มีอยู่เดิม โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีการออกส่งออกสินค้าไปทั่วโลก จำนวน 26-27 ประเทศ ซึ่งในระยะต่อไปตั้งเป้าที่จะเพิ่มประเภทของสินค้า ได้แก่ กาว Water Base และกาวเม็ดชนิดพิเศษในงานอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่มีการส่งออกเพียงกาวยางเท่านั้น ซึ่งคาดหวังในอนาคตสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 30-40% จากในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 30% เท่านั้น
ขณะที่ นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซ็ท โปร เมเนจเม้น หรือ APM ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า บมจ.ซีลิค คอร์พ มีความแตกต่างที่โดดเด่นกว่าบริษัทฯ อื่นๆ คือ นวัตกรรมการดำเนินธุรกิจ โดยมีทีมวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากกว่า 20 คน ซึ่งจากผลประกอบการที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง มองว่าหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ในอนาคตหลังเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะลดลงเหลือ 0.7 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1 เท่า