แกรททิทูด อินฟินิท ได้ฤกษ์ดีพร้อมย้ายเข้าเทรด SET ในหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร บิ๊กบอส “พีรเจต สุวรรณนภาศรี” ประเมินแนวโน้มผลประกอบการปี 59 รายได้-กำไรเข้าเป้า เตรียมพร้อมแตกไลน์ธุรกิจ รองรับแผนโตทุกมิติ รุกคืบพลังงานทดแทนร่วมกับพันธมิตร มั่นใจหุ้นจะเนื้อหอมมากขึ้น หวังนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้การตอบรับ และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอนาคต
นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) (GIFT) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ประกาศรับ GIFT เป็นหลักทรัพย์เข้าซื้อขายใน SET โดยย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ เป็นวันแรก เนื่องจากบริษัทฯ มีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์เรื่องผลประกอบการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด โดยจะย้ายไปซื้อขายในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ซึ่งเชื่อมั่นว่า หลังจากย้ายเข้าเทรดใน SET แล้ว จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั่วไป นักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศมากขึ้น และช่วยลดข้อจำกัดการเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ และแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกประกาศโดยพิจารณาแล้วเห็นว่า GIFT มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงกำหนดให้หลักทรัพย์จดทะเบียนของ GIFT จํานวน 302,686,717 หุ้น มูลค่าที่ตราไว ้หุ้นละ 1 บาท รวม 302,686,717 บาท ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า GIFT รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่1 (GIFT-W1) จํานวน 151,341,479 หน่วย ให้จัดอยู่ในหมวดใบสําคัญแสดงสทธิ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “GIFT-W1” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สําหรับการคํานวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ GIFT และ GIFT-W1 ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของหลักทรัพย์ดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นฐานในการคํานวณ Ceiling & Floor ตามปกติ
“การย้ายเข้าเทรดใน SET ถือเป็นไปตามแผนงาน (Road map) ที่ได้วางเอาไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายขยายตัวในทุกมิติ รองรับแผนรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Utility) เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตรหลายรายในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานทดแทน หรือโครงการด้านสาธารณูปโภค” นายพีรเจต กล่าว
สำหรับรูปแบบการร่วมลงทุนกับพันธมิตร บริษัทฯ ตั้งเป้าถือหุ้นขั้นต่ำประมาณ 25% โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดประมาณ 200-300 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า ทำให้สามารถขยายการลงทุนได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการเจรจากับสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว หากบรรลุข้อตกลงก็สามารถขอเงินกู้ได้ทันที และการย้ายเข้ามาซื้อขายใน SET จะทำให้มุมมองของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GIFT กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2559 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีจำนวนมากขึ้น และแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้ดี โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% ขณะที่บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่าเดิมอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของธุรกิจเคมีภัณฑ์ คาดว่ายอดขายจะอยู่ 850-900 ล้านบาท ส่วนหมวดอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 600-650 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 753 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจว่า การย้ายเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ GIFT ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักลงทุนประเภทสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง อีกทั้งแผนการดำเนินงานในอนาคตที่มีความชัดเจน โดยเตรียมแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจ Utility เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ที่เป็น Recurring Income ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการผลักดันธุรกิจของ GIFT เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2558 มีกำไรสุทธิ 90.15 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 75.54 ล้านบาท หรือ 0.25 บาทต่อหุ้น ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2559 มีรายได้รวม 202.32 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.58 ล้านบาท
อนึ่ง GIFT เป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดหา พัฒนา และจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สี พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ เป็นต้น โดยเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตที่มีความต้องการใช้งานเฉพาะทาง และใช้ในการสร้างคุณลักษณะพิเศษของสินค้าที่ผลิต
