ดัชนียังผันผวน คาดผลประกอบการไตรมาส 3/59 ที่ทยอยประกาศจะไม่สดใส กดดันบรรยากาศการลงทุน นักวิเคราะห์แนะนำถือเงินสด 60% เข้าสะสมหุ้น Selective Buy 40% ของเงินลงทุน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ (17 ต.ค.) ที่ 1,477.21 จุด ลดลง -0.27 จุด เปลี่ยนแปลง -0.02% มูลค่าการซื้อขาย 59,965.59 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส ระบุการฟื้นตัวของดัชนีที่แรงและเร็วปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้คาดว่าการฟื้นตัวต่อจากนี้เริ่มมีกรอบจำกัด โดยดัชนีมีแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,500 จุด อีกทั้งนักลงทุนเริ่มกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติน่าจะยังขายหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ปรับพอร์ตก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาด
“ความเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ยังมีความผันผวนกรอบกว้างๆ โดยระหว่างวันดัชนีลงต่ำสุดลบ 14.42 จุด และสูงสุดบวก 3.57 จุด ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น ขณะเดียวกัน กลับมีปัจจัยกดดันในระยะ 1-2 เดือนนี้ คือ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 ที่ไม่น่าจะประทับใจ เนื่องจากยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และประเด็นถัดมา คือ ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของทุกปี ต่างชาติน่าจะยังคงขายขายสุทธิมากขึ้น เพื่อการปรับพอร์ตก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย และเข้าสู่เทศกาลหยุดยาว”
ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส คาดวันนี้ดัชนีจะยังคงแกว่งตัวออกด้านข้าง เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก และลบ จึงยังคงกลยุทธ์การลงทุนเดิม คือ ให้น้ำหนักการลงทุน 40% ของเงินลงทุน และกลยุทธ์การลงทุนยังเน้น Selective Buy อย่างน้อยหุ้น 2 กลุ่ม คือ หุ้นที่มีความผันผวนต่ำ และ P/E ต่ำ และกลุ่มที่คาดผลตอบแทนไตรมาส 4/59 จะสามารถ outperform ได้มากกว่าตลาดด้วยความน่าจะเป็นที่ค่อนข้างสูง 3 หุ้นเด่น คือ BJC BIGC ตามด้วย BDMS และ HANA
ขณะเดียวกัน แนะนำให้จับตาทิศทางเศรษฐกิจไทย หากการบริหารประเทศยังคงเดินหน้าต่อ ไม่เกิดการสะดุด การลงทุนการใช้จ่ายภาครัฐฯ เป็นไปตามแผนเดิม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะดำเนินต่อไป ตามที่คาดการณ์กันว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป สิ่งที่รัฐบาลทำมาตลอดจะเริ่มเห็นผลที่ชัดมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ECB ในวันที่ 20 ต.ค.59 หากที่ประชุมไม่ได้มีนโยบายลด QE ลง คาดจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น