xs
xsm
sm
md
lg

หนักใจหนี้ครัวเรือน กนง.แนะรับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กนง.คาดช่วงปฏิรูปเศรษฐกิจอาจกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะสั้น สั่งกำชับติดตามภาวะหนี้ครัวเรือน หลังอัตราการก่อหนี้ใหม่ยังสูงกว่าการขยายตัวของรายได้ รวมถึงติดตามปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก มั่นใจอุปสงค์ในประเทศและการส่งออกจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ชี้บทบาทของนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายเพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 5/2557 เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงได้เผยแพร่ความคิดเห็นเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ (20ส.ค.) พบว่า กรรมการบางท่านประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงต้องติดตาม โดยเฉพาะในช่วงการปฏิรูปเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะสั้นบ้าง พร้อมกันนี้กำชับให้ติดตามภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง เพราะอัตราการก่อหนี้ใหม่ยังสูงกว่าการขยายตัวของรายได้ รวมถึงยังต้องติดตามผลกระทบของปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

“การปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งหากต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนอาจจำเป็นต้องมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะสั้นบ้าง แต่จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงในประเทศในระยะต่อไป กรรมการบางท่านเชื่อว่าอุปสงค์ในประเทศและการส่งออกจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป โดยอุปสงค์ในประเทศน่าจะได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายการสร้างรายได้ของภาครัฐ ขณะที่การส่งออกจะได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น”รายงานฉบับดังกล่าวระบุ

บอร์ดกนง.ประเมินว่า ภายใต้บริบทที่นโยบายการคลังมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น และภาครัฐสามารถกลับมาดำเนินมาตรการเศรษฐกิจเร่งด่วนในระยะสั้น ประกอบกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศในมิติต่างๆ เริ่มชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเมื่อมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ฉะนั้น บทบาทของนโยบายการเงิน คือ การรักษาความผ่อนคลายในระดับที่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป การใช้จ่ายภาครัฐในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี57 ต่ำกว่าคาดไว้ แต่เม็ดเงินในปี58 จะเพิ่มขึ้นจากรายจ่ายเหลื่อมปี ขณะที่ปัจจุบันการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สถาบันการเงินยังมีบทบาทและความสามารถในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การท่องเที่ยวคาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้น ด้านส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้

บอร์ดกนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบาย 2%ต่อปี เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจ ได้แก่ 1. เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน โดยแรงส่งทางเศรษฐกิจในระยะ 12 เดือนข้างหน้าแม้อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ก็ยังมีความเสี่ยง จึงยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป 2.นโยบายการเงินอยู่ในเกณฑ์ผ่อนคลายมากเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไปโดยไม่กระทบเสถียรภาพการเงินในภาพรวม ซึ่งเอื้อต่อความพยายามของภาครัฐในการปฏิรูปประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทย

3.การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอาจสร้างต้นทุน ด้านเสถียรภาพในระยะยาว และ4. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินภายใต้ภาวะเศรษฐกิจการเงินปัจจุบันที่มีเสถียรภาพในเกณฑ์ที่น่าพอใจอาจส่งสัญญาณที่สับสนให้กับตลาด

นอกจากนี้ ในที่ประชุมประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 และปี 58 จะขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน สำหรับปีนี้ เศรษฐกิจไทยอาจมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าคาดเล็กน้อยตามการใช้จ่ายภาครัฐที่ล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้าและบริการกลับมามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นในปีหน้า และแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่าประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนเล็กน้อย แต่ยังมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ กรอบนโยบายบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันยังเหมาะสมรองรับความผันผวนระยะสั้นของค่าเงินบาท หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาลงทุนทั้งตลาดพันธบบัตรและตลาดหุ้นของไทย

“ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากประเมินว่านโยบายการเงินในปัจจุบันมีความผ่อนปรนเพียงพอในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลงและแนวนโยบายภาครัฐชัดเจนขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ความเชื่อมั่นภาคเอกชนปรับดีขึ้นและอุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัว ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ”.
กำลังโหลดความคิดเห็น