xs
xsm
sm
md
lg

ทีพีซี พาวเวอร์ฯ สยายปีกสู่ธุรกิจพลังงานทางเลือกครบวงจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีพีซี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง สานฝันธุรกิจโรงไฟฟ้า ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าขยะกับบริษัท สยามพาวเวอร์ พร้อมสยายปีกสู่ธุรกิจพลังงานทางเลือกแบบครบวงจร อีกทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลพื้นที่ภาคใต้ที่ชนะการประมูล 3 โครงการ เลือกใช้เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง มั่นใจให้ผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุน ด้านผู้บริหาร “เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล” ย้ำกำลังการผลิตแตะ 200 MW ในปี 2563 จากปัจจุบัน 142 MW คาดรายได้ปีนี้โตก้าวกระโดด 200%

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการเซ็นสัญญาถือหุ้นโรงไฟฟ้าขยะในบริษัท สยามพาวเวอร์นั้น เป็นการขยายภาคธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก เพื่อการสร้างฐานรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ขณะที่กำลังการผลิตคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้ได้ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 และรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 200% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 304.90 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ขอยืนยันว่าการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (ไม่รวมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์) ในแบบ Feed-in Tariff 2559 ระยะที่ 1 สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.ปัตตานี,จ.ยะลา,จ.นราธิวาส) และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ, อ.เทพา, อ.สะบ้าย้อย, อ.นาทวี) ที่บริษัทฯ ชนะการประมูล จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 26.1 เมกะวัตต์ ราคาขายไฟเป็นราคาที่อยู่ในระดับเดียวกันกับโรงไฟฟ้าช้างแรก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า TPCH ยังสามารถทำผลกำไรได้ดี อีกทั้งบริษัทฯ ยังเลือกใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10%-15%
 
ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงมากกว่าโครงการช้างแรกด้วย ซึ่งหลังจากบริษัทฯ ได้รับหนังสือสัญญาอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ตามกำหนดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายในวันที่ 23 ธันวาคม 2559 นั้น ทางบริษัทฯ จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และคาดว่าจะขายไฟได้ตามกำหนด คือ ไตรมาส 4 ปี 2561 ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกำไรในระดับที่น่าพอใจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯ ในอนาคต

โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 11 แห่ง กำลังการผลิตรวม 142 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง กำลังการผลิต 132 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ โดยโครงการดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการที่ขายไฟฟ้าแล้ว จำนวน 30 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB), โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และโรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 30 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามีจำนวน 82 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG), โรงไฟฟ้า ทีพีซี เพาเวอร์ 1 (TPCH 1), โรงไฟฟ้า ทีพีซี เพาเวอร์ 2 (TPCH 2), โรงไฟฟ้า ทีพีซี เพาเวอร์ 5 (TPCH 5) และโรงไฟฟ้า สยาม พาวเวอร์ (SP)

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.62 ล้านบาท หรือ 803.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.55 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 81.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.56 ล้านบาท หรือ 1,080.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น