นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวถึงแนวโน้มบัตรเอทีเอ็มในอนาคตว่า จะยังมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากทุกธนาคารผลักดันการใช้บัตรเดบิตเพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับแนวนโยบายของภาครัฐภายใต้โครงการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตทุกธนาคารอยู่ประมาณ 61 ล้านใบ แบ่งเป็นบัตรเดบิต 48 ล้านใบ และบัตรเอทีเอ็ม 13 ล้านใบ
ส่วนธนาคารกสิกรไทย มีฐานลูกค้าบัตรเดบิต จำนวน 10.5 ล้านบัตร หรือประมาณ 17.5% ของทั้งตลาด ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตในครึ่งปีแรก 2559 โดยรวมทั้งระบบมีมูลค่าประมาณ 66,800 ล้านบาท เป็นส่วนของบัตรเดบิตกสิกรไทย 25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 1 ของระบบ และคาดว่าจะเติบโตได้มากขึ้น โดยธนาคารได้เพิ่มจำนวนเครื่องรับบัตรเพี่อเพิ่มจุดรับชำระด้วยบัตร จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200,000 เครื่อง รวมถึงกิจกรรมการใช้บัตร ซึ่งในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายออกบัตรเดบิตใหม่ถึงกว่า 4 ล้านใบ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากบัตรเดบิตเพิ่มขึ้น 10%
“รายได้ค่าธรรมเนียมจากบัตรเดบิตอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากการขยายบัตรใหม่อาจจะไม่มาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพียงการเปลี่ยน หรือต่ออายุเป็นหลัก แต่จากจำนวนการใช้บัตรเดบิตรูดที่มีเพียง 10% ของการใช้นั้น จึงมีช่องทางที่จะขยายในส่วนของธุรกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตได้อีกมาก ซึ่งเราก็จะมาเน้นในจุดนี้ ส่วนผลกระทบจากพร้อมเพย์ ยังคงต้องใช้เวลาในการประมวลผลก่อน โดยหลังจากเริ่มใช้ในเดือนตุลาคมนี้ ก็จะรวบรวมดูจำนวนผู้สมัครก่อน แต่ขณะนี้ก็น่าจะมีประมาณ 1 ล้านกว่าราย”
ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ออก “บัตรเดบิตช้างศึกกสิกรไทย” ที่นำสัญลักษณ์ช้างศึกของทีมฟุตบอลชาติไทยมาเป็นลวดลายบนหน้าบัตร พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ รับสิทธิซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ราคา 10 บาท ส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ จองที่พักออนไลน์ หรือรูดซื้อสินค้าออนไลน์จากร้านที่ร่วมรายการ เป็นต้น ที่สำคัญ จากค่าธรรมเนียมออกบัตรใบละ 250 บาท ธนาคารจะมอบเงิน 100 บาท ให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยคาดว่าปีแรกจะสามารถมอบเงินสนับสนุนให้สูงถึง 30 ล้านบาท หรือมีผู้สมัครบัตรเดบิตช้างศึกฯ จำนวน 3 แสนใบ
ทั้งนี้ บัตรเดบิตช้างศึกกสิกรไทย เป็นการต่อยอดการออกบัตรเดบิตสโมสรฟุตบอลที่ธนาคารได้ร่วมกับสโมสรต่างๆ จำนวน 49 แห่ง ทั้งไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชัน 1 และดิวิชัน 2 ออกมาให้บริหารกับลูกค้าตั้งแต่ปี 2557 และพบว่าบัตรเดบิตดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี มียอดการออกบัตรกว่า 200,000 ใบ