“นายกรัฐมนตรี” โยนฝ่ายกฎหมายกลั่นกรองความเสียหายซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ชี้ถ้าเห็นว่าสมควรก็จะเซ็น ถ้าไม่จำเป็นก็ให้ รมว.พาณิชย์เซ็นแทน ถูกผิดไปว่ากันในศาล จวกพอจะทำให้มันถูกต้องก็หาว่าลำเอียง คาดส่งฟ้องได้ในปีนี้ เผยยอดหมื่นล้าน แค่คดีแรกยังมีอีกเพียบ ให้ รมว.คลังชี้แจงพร้อมเพย์ สับถ้าไม่อยากให้เกิดก็ยกเลิกไม่ต้องทำอะไรแล้วกลับไปที่เดิม
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อเวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาส่งเรื่องการตีความด้านกฎหมายต่อความเสียหายในการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาที่รัฐบาลว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้กลั่นกรองพิจารณา หากเห็นว่าตนสมควรที่จะเซ็นส่งฟ้องศาลก็จะเซ็น หากไม่มีความจำเป็นก็จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้เซ็น ตนเชื่อมั่นในทีมกฎหมาย แล้วใครจะมากลัวอะไร ทุกอย่างเสนอไปตามข้อเท็จจริง แล้วให้ไปพิจารณากันต่อในชั้นศาล ถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด
“เรื่องบางเรื่องพอจะทำให้มันถูกต้องกลับมาบอกว่าลำเอียง ไม่เป็นธรรม กลัวการเกี้ยเซี้ย พูดอย่างอื่นไม่เป็นหรืออย่างไร เรื่องนี้จะส่งฟ้องได้เมื่อไหร่นั้นก็ต้องอยู่ในเวลาที่กำหนด คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ เป็นกระบวนการเรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามถึงตัวเลขที่จะเรียกร้องความเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้มีการแจ้งมาแล้ว แต่ไม่แน่ใจในตัวเลขซึ่งอยู่ที่หมื่นล้าน กรณีนี้เป็นคดีแรกซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ไม่กี่คน โดยในโครงการรับจำนำข้าวยังมีอีกหลายล็อต
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาที่ประชาชนไม่มีความมั่นใจในบริการพร้อมเพย์ หรือระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่เพื่อใช้สำหรับการรับและโอนเงินด้วยเลขที่บัตรประชาชนว่า เรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจง เราพร้อมชี้แจงในทุกเรื่อง ขอให้ยืนยันว่าทำด้วยความตั้งใจ ปัญหาที่เกิดก็แก้กันไป แต่ถ้าไม่อยากให้เกิดก็ยกเลิกทั้งหมด ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เลิกแล้วก็กลับไปที่เดิม