xs
xsm
sm
md
lg

เยนแข็ง 2% รับ BOJ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทุ่มงบซื้อ ETFs เพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น  ( Bank of Japan : BOJ )
แบงก์ชาติแดนปลาดิบ เผยท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น พร้อมเตรียมเข้าซื้อกองทุนหุ้น (ETFs) จากเดิม 3.3 ล้านล้านเยนต่อปี เป็น 6.0 ล้านล้านเยนต่อปี ขณะที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และคงระดับการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล 80 ล้านล้านเยนต่อปี ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์กว่า 9 หมื่นล้านเยนต่อปี และหุ้นกู้เอกชน 5.4 ล้านล้านเยนต่อปี ไว้ตามเดิม อีกทั้งเพิ่มวงเงินการให้กู้ยืมเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดความผันผวนของสภาพคล่องเงินดอลลาร์สหรัฐภายในประเทศ

EIC SCB เปิดเผยในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจว่า จากผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ที่เตรียมดำเนินนโยบายการเงินทั้งด้านการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และเข้าซื้อกองทุนหุ้นเพิ่มนั้น ถือว่าไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นทันที ประมาณ 2% ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ การเข้าซื้อ ETFs เพียงอย่างเดียวจึงเป็นสิ่งที่ต่างไปจากที่มีการคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก เป็นผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นทันที 2% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10 basis points ในขณะที่ดัชนีหลักทรัพย์ Nikkei 225 ไม่มีการปรับตัวตอบสนองต่อนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี อีไอซีประเมินผลของนโยบายดังกล่าวเป็นไปอย่างจำกัด การเข้าซื้อ ETFs เป็นการหวังผลให้ประชาชนที่ถือหุ้นใช้จ่ายมากขึ้นตามราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากหุ้นเป็นตราสารที่ประชาชนเข้าถึงอย่างจำกัด ทำให้ผลของนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังเป็นการดำเนินนโยบายด้วยวงเงินที่น้อยเมื่อเทียบกับการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล

นอกจากนี้ การที่ BOJ รอประเมินผลนโยบายการคลังของนาย Shinzo Abe ก่อนดำเนินการเพิ่มเติม ในวันก่อนหน้า Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศมาตรการทางการคลัง จำนวน 28 ล้านล้านเยน ซึ่งหวังผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในวงกว้าง BOJ จึงอาจรอประเมินผลของมาตรการดังกล่าวเพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้น เงินเยนมีความเสี่ยงที่จะแข็งค่า การดำเนินนโยบายการเงินที่ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในญี่ปุ่น และการแข็งค่าของเงินเยน แต่คาดว่าผลต่อเงินทุนไหลออกมายังประเทศกำลังพัฒนาจะเกิดขึ้นอย่างค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเป็นการดำเนินนโยบายด้วยวงเงินที่น้อย และเป็นเงินที่ไม่เข้าไปยังสภาพคล่องโดยรวมของระบบการเงินโดยตรง

ทั้งนี้ EIC ประเมินว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของ BOJ สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะต่อไป การเข้าซื้อ ETFs เป็นการดำเนินนโยบายในวงเงินที่น้อย และผลค่อนข้างจำกัด ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ และเงินเยนที่แข็งค่า หากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่ BOJ คาดการณ์ไว้ เช่น ผลของนโยบายการคลังไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้ จะเป็นปัจจัยกดดันให้ BOJ จำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
กำลังโหลดความคิดเห็น