ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกสินค้าไทยหดตัวกว่า 8% ส่วนนำเข้าก็ตกต่ำลงถึง 14% เทียบกับปีก่อนหน้า เหตุสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังซึมเซาต่อเนื่อง อีกทั้งในประเทศยังไม่มีปัจจัยสะท้อนที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แนะกระตุ้นตลาด CLMV เพิ่มเพราะยังเห็นช่องทางการขยายตัวต่อเนื่องได้
มูลค่าการส่งออกไทยเดือนเมษายน พลิกกลับมาหดตัวที่ 8% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้าตามกระแสการค้าโลกที่เปราะบาง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความชัดเจน ประกอบกับหลายประเทศคู่ค้าชะลอการนำเข้า ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักอย่างรถยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าหดตัวต่อเนื่อง อีกทั้งมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องต่อน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก ยังคงหดตัวสูงต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคา
ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าหดตัวมากขึ้นที่ 14.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง และสินค้าทุนที่ลดลง โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า และส่วนประกอบ
ทั้งนี้ อีไอซีมองว่า มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราวจากการส่งออกทองคำ แต่การส่งออกสินค้าไปตลาดหลักซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน และอาเซียน 5 ที่มีสัดส่วนกว่า 55% ต่างหดตัวลงในเดือนเมษายน และมีเพียงตลาดกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังสามารถขยายตัวได้ โดยถ้าหากหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องต่อน้ำมัน และทองคำ
“อีไอซี คาดว่า ในปี 2016 มูลค่าการส่งออกของไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐจะลดลงราว 1.7% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 78% ของมูลค่าการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของคู่ค้าหลักที่ยังคงชะลอตัว”
สำหรับมูลค่าการนำเข้าของไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐจะลดลงราว 2.5% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้าเช่นกัน เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งกระทบต่อราคานำเข้าสินค้าเชื้อ เพลิง อีกทั้งความเสี่ยงของการลงทุนภาครัฐที่อาจจะล่าช้า คาดว่าอาจจะกระทบต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่เป็นวัตถุดิบ