มูลค่าการส่งออกไทยเดือนกรกฎาคม หดตัวที่ 4.4% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า จากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวกว่า 4.6 เท่า ซึ่งหากไม่รวมทองคำจะหดตัวที่ 8.2% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า มูลค่าการนำเข้าหดตัวต่อเนื่องที่ 7.2% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า จากการลดลงของมูลค่านำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมองว่าการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ แต่มีปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออกทองคำที่ทำให้มูลค่าส่งออกรวมติดลบน้อยลง
ทั้งนี้ อีไอซีคาดว่า ในปี 2016 มูลค่าการส่งออกของไทยจะลดลงประมาณ 2.1% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า โดยในช่วงที่เหลือของปีแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังเปราะบาง และปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงกดดันปริมาณการค้าโลกทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกจะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่ามูลค่าการนำเข้าของไทยจะลดลงประมาณ 6.2% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า ในปี 2016 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้มูลค่านำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ตาม การลงทุนในประเทศที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวในปีนี้ โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีแนวโน้มล่าช้ากว่าที่คาดจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการนำเข้าสินค้าทุนในระยะต่อไป
