บล.เคบีที (ประเทศไทย) มองหุ้นสัปดาห์นี้ ยังเดินหน้าบวกได้ หลังความกังวลเรื่อง Brexit ลดลงไป เงินลงทุนมีแนวโน้มไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตาม แนะลงทุนหุ้นที่ Domestic มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,440-1,468 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มองตลาดช่วงสั้นๆ ยังมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่อ หลังความกังวลในเรื่อง Brexit จางลงในเวลาที่ค่อนข้างเร็ว ท่ามกลางการเข้า support ของบรรดาธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ดังเช่นวิกฤตหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ราคาสินทรัพย์ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) อ่อนค่าลง ไม่ว่าจะเป็น พันธบัตรรัฐบาล เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินเยน แต่ยังไม่ถึงระดับที่ปลอดภัยเสียทีเดียว เพราะผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่คอยถ่วงตลาดอยู่ ราคาทองคำ กลับได้อานิสงส์ ทั้งจากความเสี่ยงของตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยที่คอยหนุนตลาดที่สำคัญ คือ เม็ดเงินในตลาดที่กำลังหาที่ลงทุน นั่นหมายความว่า เมื่อความเสี่ยงของตลาดลดลง แม้จะเป็นชั่วคราว แต่จะหนุนให้นักลงทุนต่างประเทศเจียดเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้มากขึ้น เป็นบวกต่อตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนของไทยเอง ที่ชะลอการลงทุนไปก่อหน้านี้ หรือปลายสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดยาว คาดจะมีบางส่วนกลับเข้ามาซื้อหุ้นในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นที่เป็น Domestic Play มากขึ้น จากแรงกระตุ้นการลงทุน-การใช้จ่ายของภาครัฐ และการเตรียมเปิดประมูลโครงการใหญ่ๆ ด้านคมนาคม และการขนส่ง โดยปัจจัยในประเทศที่จะมีผลต่อหุ้นเป็นรายตัว คือ การเข้ามาเก็งงบ 2Q/59 ที่ปิดงบไปแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทยไตรมาสนี้ เรายังประเมินว่าทรงๆตัว หรืออาจลดลงจากไตรมาสแรกของปีนี้เล็กน้อย ที่มีกำไร 2.3 แสนล้านบาท
ดังนั้น คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ จึงมองว่า สภาพตลาดเวลานี้ปัจจัยบวกอาจไม่ได้แรงมากนัก แต่แรงหนุนจาก Liquidity Driven จะเป็นตัวจักรสำคัญของตลาดหุ้น หากไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอีก เราแนะนำเข้าลงทุนในหุ้นที่เป็น Domestic Play หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่จะได้แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันฯ (หลังปิดงบกลางปีไปแล้ว) กรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ให้กรอบไว้ที่ 1,440-1,468 จุด
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน คือ หุ้นที่ได้แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน เช่น TCAP BDMS หุ้นที่เป็นบวก หากราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง (Bond Yield สูงขึ้น) เช่น BLA หุ้นอิงธุรกิจส่งออก บางอุตสาหกรรม ที่มีแนวโน้มขยายตัว เช่น SAT JWD DELTA หุ้นกลุ่มรับเหมา ได้อานิสงส์โครงการลงทุนภาครัฐฯ และเอกชน อย่าง ITD และหุ้นคาดได้ประโยชน์จากโครงการสายไฟฟ้าลงดิน และการขยายเครือข่ายของผู้ประกอบการ 4G อย่าง CSS
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มองตลาดช่วงสั้นๆ ยังมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่อ หลังความกังวลในเรื่อง Brexit จางลงในเวลาที่ค่อนข้างเร็ว ท่ามกลางการเข้า support ของบรรดาธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ดังเช่นวิกฤตหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ราคาสินทรัพย์ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) อ่อนค่าลง ไม่ว่าจะเป็น พันธบัตรรัฐบาล เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินเยน แต่ยังไม่ถึงระดับที่ปลอดภัยเสียทีเดียว เพราะผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่คอยถ่วงตลาดอยู่ ราคาทองคำ กลับได้อานิสงส์ ทั้งจากความเสี่ยงของตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยที่คอยหนุนตลาดที่สำคัญ คือ เม็ดเงินในตลาดที่กำลังหาที่ลงทุน นั่นหมายความว่า เมื่อความเสี่ยงของตลาดลดลง แม้จะเป็นชั่วคราว แต่จะหนุนให้นักลงทุนต่างประเทศเจียดเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้มากขึ้น เป็นบวกต่อตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนของไทยเอง ที่ชะลอการลงทุนไปก่อหน้านี้ หรือปลายสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดยาว คาดจะมีบางส่วนกลับเข้ามาซื้อหุ้นในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นที่เป็น Domestic Play มากขึ้น จากแรงกระตุ้นการลงทุน-การใช้จ่ายของภาครัฐ และการเตรียมเปิดประมูลโครงการใหญ่ๆ ด้านคมนาคม และการขนส่ง โดยปัจจัยในประเทศที่จะมีผลต่อหุ้นเป็นรายตัว คือ การเข้ามาเก็งงบ 2Q/59 ที่ปิดงบไปแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทยไตรมาสนี้ เรายังประเมินว่าทรงๆตัว หรืออาจลดลงจากไตรมาสแรกของปีนี้เล็กน้อย ที่มีกำไร 2.3 แสนล้านบาท
ดังนั้น คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ จึงมองว่า สภาพตลาดเวลานี้ปัจจัยบวกอาจไม่ได้แรงมากนัก แต่แรงหนุนจาก Liquidity Driven จะเป็นตัวจักรสำคัญของตลาดหุ้น หากไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอีก เราแนะนำเข้าลงทุนในหุ้นที่เป็น Domestic Play หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่จะได้แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันฯ (หลังปิดงบกลางปีไปแล้ว) กรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ให้กรอบไว้ที่ 1,440-1,468 จุด
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน คือ หุ้นที่ได้แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน เช่น TCAP BDMS หุ้นที่เป็นบวก หากราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง (Bond Yield สูงขึ้น) เช่น BLA หุ้นอิงธุรกิจส่งออก บางอุตสาหกรรม ที่มีแนวโน้มขยายตัว เช่น SAT JWD DELTA หุ้นกลุ่มรับเหมา ได้อานิสงส์โครงการลงทุนภาครัฐฯ และเอกชน อย่าง ITD และหุ้นคาดได้ประโยชน์จากโครงการสายไฟฟ้าลงดิน และการขยายเครือข่ายของผู้ประกอบการ 4G อย่าง CSS