กลุ่มเกียรตินาคินภัทร ปรับลดอัตราเติบโตสินเชื่อเหลือ 3-5% จากเดิม 15% เหตุเศรษฐกิจ-ยอดขายรถฟื้นตัวช้า พร้อมเร่งลดเอ็นพีแอลลง 1% ภายในสิ้นปี หันปล่อยปล่อยกู้เอสเอ็มอี-สินเชื่อบุคคล ส่วนอสังหาฯ ยังต้องระวังหลังหนี้เน่าปูด
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับเป้าหมายการสินเชื่อเติบโตของธนาคารในปีนี้เป็น 3-5% จากเดิมที่ 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รวมถึงยอดขายรถยนต์ที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถที่มีสัดส่วนในพอร์ตสินเชื่อรวมยังหดตัว โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ลดลง 2% ส่งผลให้สินเชื่อรวมของธนาคารลดลง 1.6%
อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนของสินเชื่อ KK SME รถคูณสาม สินเชื่อเคหะ และสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวได้ดี แม้จะยังมีสัดส่วนในพอร์ตรวมไม่สูงนัก โดยที่ผ่านมา มียอดปล่อยสินเชื่อเดือนละ 500-600 ล้านบาท และเชื่อว่าในครี่งปีหลังจะเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังมีส่วนของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกเป็น 6.1% จาก 5.8% นั้น ส่วนหลักมาจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ แต่ธนาคารตั้งเป้าหมายลดเอ็นพีแอลลง 1% ในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ จะต่อยอดธุรกิจเวลธ์เมเนจเม้นท์ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำ (AUA) ที่ 343,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูง คือ Phatra Edge ที่มีพอร์ตการลงทุน และเงินฝากตั้งแต่ระดับ 2 ล้านบาท มีความต้องการบริหารเงินลงทุนเพิ่มขึ้น และอีกหนึ่งด้าน คือ รักษาความเป็นผู้นำในด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) ที่ภัทร เป็นผู้นำด้านธุรกิจนี้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ มีงานขนาดใหญ่ในมือ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นไปตามแผนในครึ่งหลังปีนี้ได้หรือไม่ ส่วนการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานได้มีการลงทุนที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูง
“ในครึ่งปีแรก แม้ว่าสินเชื่อรวมจะยังคงหดตัวอยู่ 1.6% แต่เมื่อดูไส้ในแล้ว สินเชื่อตัวอื่นก็ยังขยายตัวได้ดี ขณะที่เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็เป็นส่วนที่มีหลักประกันเกินวงเงินอยู่แล้ว และในครึ่งปีแรกก็ยังมีการกันสำรองพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 650 ล้านบาท ส่งผลอัตราส่วนสำรองฯ อยู่ในระดับ 169.8% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ดี ”
นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า เราประเมินภาวะเศรษฐกิจต่อจากนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่บ้าง ตลอดจนอุตสาหกรรมธนาคารมีการแข่งขันสูง เพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง จึงได้พิจารณาปรับลดเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อรวมเป็น 3-5% จากเดิม 15% หรือหากกรณีเลวร้ายก็อาจจะเป็น 0% ก็ได้ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนที่จะปรับลดสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อในพอร์ตรวมให้เหลือต่ำกว่า 50% ในอีก 3 ปี จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 65% ของพอร์ตสินเชื่อรวม