ซีไอเอ็มบีไทย จัดโปรฯ สินเชื่อบุคคลรับฤดูกาลจับจ่ายปลายปี ดอกเบี้ย 5.99% 3 เดือน สำหรับผู้มีรายได้ 25,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.59
น.ส.อรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ธนาคารออกโปรโมชันต้อนรับการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยโปรโมชันบัตรสินเชื่อบุคคล เอ็กซ์ตร้าแคช อัตราดอกเบี้ย 5.99% ต่อปี นาน 3 เดือน สำหรับพนักงานผู้มีรายได้ประจำต่อเดือนตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป โปรโมชันเริ่มวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.59 โปรโมชันนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่วางแผนการใช้เงินในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ทั้งการซื้อของขวัญ การท่องเที่ยว และการสังสรรค์กับครอบครัว
ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวเป็นอีกทางเลือกสำหรับฤดูกาลจับจ่าย ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เช่น ถ้าเดิมคุณวางแผนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้วผ่อนชำระซึ่งมีภาระดอกเบี้ย 20% ลองมาพิจารณาโปรโมชันบัตรสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ย 5.99% นาน 3 เดือน ที่ออกมาใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะเมื่อคุณกดเงินไปใช้แล้วนำมาชำระคืนภายใน 3 เดือน จะประหยัดดอกเบี้ยลงได้มากเมื่อเทียบกับการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต ดอกเบี้ยจะถูกลงไปกว่า 3 เท่า หรือประหยัดดอกเบี้ยได้ถึง 70%
“บัตรสินเชื่อบุคคลเป็นสินเชื่อบุคคลแบบลดต้นลดดอก ถ้ามีไว้แล้วไม่ได้กดเงินไปใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ย เหมาะสำหรับเก็บไว้ใช้ยามมีความจำเป็นต้องใช้เงินยามฉุกเฉิน และยังเหมาะต่อผู้มีแผนใช้เงินอยู่แล้วในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะถ้ามีโปรโมชันดอกเบี้ยดีๆ ออกมาในช่วงเวลานั้น โปรโมชันดอกเบี้ยจะช่วยบริหารต้นทุนดอกเบี้ยให้ดีขึ้น ซึ่งธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ออกโปรโมชันที่ช่วยแบ่งเบาดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจในการขอสินเชื่อ และไม่ส่งเสริมให้คนเป็นหนี้”
น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า ในรอบปี 2558 พอร์ตสินเชื่อบุคคลของธนาคารเติบโตขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อบุคคลมีหลักประกัน 85% และสินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกัน 15% สำหรับภาพรวมตลาดสินเชื่อบุคคลปีหน้าต้องติดตามสภาพเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่นซึ่งจะผันผวนตามการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ และน่าจะเห็นได้ชัดเจนในไตรมาส 2
สำหรับมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้จากการซื้อสินค้า หรือบริการะหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค.58 ตามจำนวนจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ที่ภาครัฐเพิ่งออกมา มองว่าดีในแง่ที่จะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มคนที่มีความสามารถในการใช้จ่ายหันมาใช้เงิน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีวินัยทางการเงิน และได้วางแผนเรื่องการใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งประกัน LTF RMF ซึ่งมีประโยชน์ในระยะยาวมาอย่างดีแล้ว ขณะเดียวกัน จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ ย่อมๆ เข้ามาในระบบภาษีมากขึ้น