xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ ฮึดตั้งเป้าสินเชื่อโต 6-7%-SME-รายย่อยยังดันหนี้เน่าเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กสิกรไทยหวังสินเชื่อปีหน้าโตได้ 6-7% รับแรงหนุนจากมาตรการรัฐ ขณะที่ฝั่งหนี้เน่ายังขยับเพิ่มต่อเนื่อง เหตุเอสเอ็มอี-รายย่อยยังมีปัญหาในการชำระหนี้ ต้องดูแลเข้มต่อเนื่อง ส่วนปีนี้มั่นใจสินเชื่อโตได้ตามเป้า 6%

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า การเติบโตของสินเชื่อธนาคารในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 6% จากปัจจุบันที่เติบโตได้กว่า 4% จากช่วงไตรมาส 4 นี้ที่ถือเป็นฤดูกาลแห่งการจับจ่ายใช้สอยปลายปี ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคธุรกิจต่างๆ มากขึ้น ส่วนในปี 2559 ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตไว้ 6-7% โดยแบ่งเป็นสินเชื่อขนาดใหญ่เติบโต 4-6% สินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เติบโต 5-7% และสินเชื่อรายย่อยเติบโต 5-7%

ทั้งนี้ ในส่วนของสินเชื่อรายใหญ่ และเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร พลังงาน ส่งออก และค้าปลีก จะหนุนการเติบโตของสินเชื่อในปีหน้า

นายปรีดี กล่าวอีกว่า อัตาการเติบโตของสินเชื่อที่ 6-7% ในปีหน้า มองว่า ไม่น่าเกินความสามารถ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งจะเห็นผลได้เต็มที่ในปีหน้าเป็นต้นไป โดยธนาคารประเมินจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวที่ 3.2% จากปีนี้คาดการณ์เติบโต 2.8% และสินเชื่อปีนี้ในเป้าหมายที่ 6% ก็เป็นไปได้ เพราะช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีความต้องการของสินเชื่อมากกว่าไตรมาสอื่นๆ

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2.62% แต่คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีการขยับเพิ่มขึ้นบ้างมาอยู่ที่ 2.8% เนื่องจากลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อยยังไม่นิ่ง มีบางส่วนประสบปัญหาการชำระหนี้อยู่จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารก็ดูแลลูกค้าที่มีปัญหามาโดยตลอด พร้อมมีมาตรการช่วยเหลือ อาทิ ปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ และยืดเวลาชำระหนี้ออกไป ทำให้ยอดหนี้ที่มีปัญหาจากเดิมอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท เหลือ 1 แสนล้านบาทในปัจจุบัน และในปีหน้าคาดว่าเอ็นพีแอลจะยังขยับได้ขึ้นอีกทำให้สิ้นปี 2559 เอ็นพีแอลจะอยู่ที่ 3.5-3.6%

“ในปีหน้าปัจจัยเสี่ยงยังมีอยู่ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน จึงมีโอกาสที่เอ็นพีแอลขยับขึ้นได้อยู่ ซึ่งเป็นทั้งระบบ ดังนั้น ธนาคารก็ยังต้องดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด แต่ธนาคารก็ได้ตั้งสำรองฯอย่างเพียงพอแล้ว โดย 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งสำรองไปแล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 4 ธนาคารจะตั้งสำรองอยู่ตามปกติ จากปัจจุบันอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อเอ็นพีแอลอยู่ที่ 131% ก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งอยู่”

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องการส่งออกต่อไป จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำ สงครามค่าเงิน และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะประเด็นสุดท้ายนั้น เป็นสิ่งที่อยู่ในอำนาจการแก้ไขของเราเอง แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลา โดยปัจจัยที่พยุงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และปีหน้าจะเป็นการใช้จ่ายของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี และคาดว่าจะไปแตะที่ 30 ล้านคนในปีนี้ อีกปัจจัยเป็นการใช้จ่าย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เริ่มหนุนความเชื่อมั่นได้บ้าง งบประมาณลงทุนปีหน้าที่สูงขึ้นมากนั้น จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจจริงในระดับที่เพิ่มขึ้นจากปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น