ราคาทองคำใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และย่อตัวลงแตะระดับต่ำสุด 1,310.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนทองคำหลายท่านต่างตั้งคำถามว่า ราคาทองคำปรับตัวลงเพราะเหตุใด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอยู่สูงแต่ทำไมทองจึงปรับตัวลงต่อเนื่อง วันนี้ทาง YLG มีคำตอบว่าราคาทองในสัปดาห์ที่ผ่านมาลงเพราะเหตุใด
สาเหตุแรกที่ส่งผลกดดันราคาทองคำ คือ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายรายการที่ออกมาดีเกินคาด ก่อให้เกิดกระแสการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดอาจดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อบ 1 ครั้งในปีนี้ อ้างอิงจากสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในขณะนี้บ่งชี้ว่า มีโอกาสมากกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง ภายในเดือน ธ.ค. ซึ่งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้นมีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
อีกสาเหตุหนึ่งที่กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างมากนั่นก็คือ การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด และเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ อาจจะย่ำแย่น้อยกว่าที่วิตกกัน การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นกดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำออกมา และหันเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น
ราคาทองคำจะเป็นอย่างไรในสัปดาห์หน้า
ปัจจัยทางเทคนิคในระยะสั้นบ่งชี้ว่า ราคาทองคำยังคงมีโอกาสย่อตัวลงทดสอบแนวรับ โดยแนะนำนักลงทุนในตลาดทองคำจับตาแรงขายทองคำ และเน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรก โดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,358-1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่คาดว่าจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ได้แก่ การประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางในประเทศชั้นนำของโลก ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดในวันที่ 26-27 กรกฎาคม และธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ ในวันที่ 29 กรกฎาคม โดยตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม อย่างไรก็ตาม แนะนำจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเฟด ของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดซึ่งอาจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงช่วงเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ ขณะที่การประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ตลาดคาดว่า ญี่ปุ่นอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งหากญี่ปุ่นมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเติมจริงอาจจะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงกดดันค่าเงินเยนอ่อนค่า ส่งผลให้ดอลลาร์/เยนแข็งค่ากดดันราคาทองคำได้เช่นกัน นักลงทุนจึงต้องติดตามการประชุมดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
