(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Yuan adoption by global financial institutions hits nearly 40%
By Asia Unhedged
31/03/2016
ตามรายงานประจำเดือนของระบบสวิฟต์ (SWIFT) ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 มีธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลกเกือบ 40% แล้ว ซึ่งยอมรับการชำระหนี้ด้วยเงินหยวน เพิ่มขึ้นราว 18% ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
สกุลเงินตราของจีน เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงินต่างๆ ตลอดทั่วโลก เกือบๆ 40% แล้ว เท่ากับว่าการยอมรับให้ใช้เงินหยวน หรือที่เรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า เหรินหมินปี้ (Renminbi ใช้อักษรย่อว่า RMB) ได้เพิ่มสูงขึ้นอีก 18% ทีเดียวในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยอาณาบริเวณซึ่งมีการขยายตัวแข็งแรงที่สุดในเรื่องนี้ได้แก่ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ ทั้งนี้ตามรายงานการติดตามสกุลเงินเหรินหมินปี้ประจำเดือนของสวิฟต์ (SWIFT’s monthly RMB Tracker) ที่นำออกมาเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม
รายงานนี้แจกแจงว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 มีสถาบันการเงิน 1,131 แห่งใช้เงินหยวนสำหรับการชำระหนี้กับจีนและฮ่องกง ตัวเลขนี้คิดเป็น 37% ของสถาบันการเงินทั้งหมดซึ่งมีการแลกเปลี่ยนชำระหนี้กับจีนและฮ่องกงด้วยสกุลเงินตราต่างๆ ทั้งหลาย สถาบันการเงินเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (557 แห่ง), รองลงมาคือยุโรป (376 แห่ง), ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ (124 แห่ง), และแอฟกริกากับตะวันออกกลาง (74 แห่ง)
เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 แล้ว พบว่าพวกสถาบันการเงินในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ มีอัตราการขยายตัวยอมรับเงินหยวนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดคือ 31%, รองลงมาเป็นเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมีอัตราการขยายตัว 18%, ยุโรปก็เติบโตขยายตัวได้เกือบพอๆ กัน คือ 17%, และแอฟริกา-ตะวันออกกลางมีการเติบโตขยายตัว 12%
“จากการที่มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศเกือบๆ 40% แล้ว ซึ่งกำลังอำนวยความสะดวกให้แก่การชำระหนี้ด้วยเงินหยวนเช่นนี้ จึงเป็นที่กระจ่างชัดเจนว่าสกุลเงินตราของจีนกำลังเติบใหญ่ขยายตัวในการแสดงบทบาทของตน ในฐานะที่เป็นสกุลเงินตราสำหรับการค้าของโลก, การลงทุน, และการเป็นทุนสำรอง” วีนา ฉวง (Vina Cheung) หัวหน้าส่วนระดับโลกของกระบวนการแปรให้เงินหยวนกลายเป็นเงินตราระหว่างประเทศ (global head of RMB Internationalization) ณ ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
ข้อมูลของระบบสวิฟต์ยังระบุว่า 24% ของการชำระหนี้ด้วยเงินหยวนจากต่างแดน ที่กระทำกับจีนและฮ่องกงนั้น ดูแลดำเนินการโดยพวกธนาคารต่างๆ ของจีนที่มีสาขา และ/หรือบริษัทในเครือ ซึ่งตั้งอยู่ในต่างแดน
“ขณะที่ประเทศจีนดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเปิดกว้างสกุลเงินตราของตน จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่การใช้เงิน RMB ในทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้รวมถึงการใช้เงิน RMB ของพวกธุรกิจต่างๆ ของสหรัฐฯด้วย” เดบรา ลอดจ์ (Debra Lodge) หัวหน้าส่วนพัฒนาธุรกิจเงินหยวนอเมริกาเหนือ (RMB business development North America) ณ ธนาคารเอชเอสบีซี สหรัฐอเมริกา (HSBC Bank USA) ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
“เวลานี้มีบริษัทสหรัฐฯจำนวนเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีความเชื่อมั่นในการใช้เงินเหรินหมินปี้ และกำลังกระทำเช่นว่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผลประโยชน์แห่งธุรกิจของพวกเขาเอง เราคาดหมายว่าปริมาณในเรื่องนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีก ในเมื่อบริษัทต่างๆ กำลังมองหาหนทางในการบรรเทาความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ อาทิเช่น การซื้อสินค้า และการชำระหนี้ระหว่างบริษัท” ลอดจ์ระบุเพิ่มเติมในคำแถลง
ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 เงินหยวนมีฐานะเป็นสกุลเงินตราที่มีการใช้ชำระหนี้ของทั่วโลกสูงที่สุดเป็นอันดับ 5 เมื่อวัดด้วยมูลค่า ด้วยส่วนแบ่ง 1.76% ตัวเลขนี้เท่ากับลดลงมา 27.5% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2016 ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ การชำระหนี้ข้ามสกุลเงินตราต่างๆ ได้ลดต่ำลง 1.3% เมื่อคิดกันเป็นมูลค่า
การที่ตัวเลขหดตัวลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเดือนมกราคมกับเดือนกุมภาพันธ์เช่นนี้ เห็นกันว่ามีสาเหตุสำคัญเนื่องจากพวกธนาคารและสถาบันการเงินของจีนต่างปิดทำการหลายวัน ระหว่างช่วงตรุษจีนในตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์
สวิฟต์ เป็นระบบให้บริการการสื่อสารด้านการเงินที่มีความปลอดภัย ซึ่งตั้งฐานอยู่ในเบลเยียม ระบบนี้เชื่อมโยงองค์การด้านการธนาคารและด้านหลักทรัพย์มากกว่า 11,000 แห่ง ตลอดจนเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดต่างๆ และลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจในกว่า 200 ประเทศและดินแดน เครือข่ายของสวิฟต์ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อธุรกรรมเงิน RMB ในทั่วโลก
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged)
Yuan adoption by global financial institutions hits nearly 40%
By Asia Unhedged
31/03/2016
ตามรายงานประจำเดือนของระบบสวิฟต์ (SWIFT) ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 มีธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลกเกือบ 40% แล้ว ซึ่งยอมรับการชำระหนี้ด้วยเงินหยวน เพิ่มขึ้นราว 18% ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
สกุลเงินตราของจีน เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงินต่างๆ ตลอดทั่วโลก เกือบๆ 40% แล้ว เท่ากับว่าการยอมรับให้ใช้เงินหยวน หรือที่เรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า เหรินหมินปี้ (Renminbi ใช้อักษรย่อว่า RMB) ได้เพิ่มสูงขึ้นอีก 18% ทีเดียวในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยอาณาบริเวณซึ่งมีการขยายตัวแข็งแรงที่สุดในเรื่องนี้ได้แก่ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ ทั้งนี้ตามรายงานการติดตามสกุลเงินเหรินหมินปี้ประจำเดือนของสวิฟต์ (SWIFT’s monthly RMB Tracker) ที่นำออกมาเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม
รายงานนี้แจกแจงว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 มีสถาบันการเงิน 1,131 แห่งใช้เงินหยวนสำหรับการชำระหนี้กับจีนและฮ่องกง ตัวเลขนี้คิดเป็น 37% ของสถาบันการเงินทั้งหมดซึ่งมีการแลกเปลี่ยนชำระหนี้กับจีนและฮ่องกงด้วยสกุลเงินตราต่างๆ ทั้งหลาย สถาบันการเงินเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (557 แห่ง), รองลงมาคือยุโรป (376 แห่ง), ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ (124 แห่ง), และแอฟกริกากับตะวันออกกลาง (74 แห่ง)
เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 แล้ว พบว่าพวกสถาบันการเงินในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ มีอัตราการขยายตัวยอมรับเงินหยวนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดคือ 31%, รองลงมาเป็นเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมีอัตราการขยายตัว 18%, ยุโรปก็เติบโตขยายตัวได้เกือบพอๆ กัน คือ 17%, และแอฟริกา-ตะวันออกกลางมีการเติบโตขยายตัว 12%
“จากการที่มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศเกือบๆ 40% แล้ว ซึ่งกำลังอำนวยความสะดวกให้แก่การชำระหนี้ด้วยเงินหยวนเช่นนี้ จึงเป็นที่กระจ่างชัดเจนว่าสกุลเงินตราของจีนกำลังเติบใหญ่ขยายตัวในการแสดงบทบาทของตน ในฐานะที่เป็นสกุลเงินตราสำหรับการค้าของโลก, การลงทุน, และการเป็นทุนสำรอง” วีนา ฉวง (Vina Cheung) หัวหน้าส่วนระดับโลกของกระบวนการแปรให้เงินหยวนกลายเป็นเงินตราระหว่างประเทศ (global head of RMB Internationalization) ณ ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
ข้อมูลของระบบสวิฟต์ยังระบุว่า 24% ของการชำระหนี้ด้วยเงินหยวนจากต่างแดน ที่กระทำกับจีนและฮ่องกงนั้น ดูแลดำเนินการโดยพวกธนาคารต่างๆ ของจีนที่มีสาขา และ/หรือบริษัทในเครือ ซึ่งตั้งอยู่ในต่างแดน
“ขณะที่ประเทศจีนดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเปิดกว้างสกุลเงินตราของตน จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่การใช้เงิน RMB ในทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้รวมถึงการใช้เงิน RMB ของพวกธุรกิจต่างๆ ของสหรัฐฯด้วย” เดบรา ลอดจ์ (Debra Lodge) หัวหน้าส่วนพัฒนาธุรกิจเงินหยวนอเมริกาเหนือ (RMB business development North America) ณ ธนาคารเอชเอสบีซี สหรัฐอเมริกา (HSBC Bank USA) ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
“เวลานี้มีบริษัทสหรัฐฯจำนวนเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีความเชื่อมั่นในการใช้เงินเหรินหมินปี้ และกำลังกระทำเช่นว่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผลประโยชน์แห่งธุรกิจของพวกเขาเอง เราคาดหมายว่าปริมาณในเรื่องนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีก ในเมื่อบริษัทต่างๆ กำลังมองหาหนทางในการบรรเทาความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ อาทิเช่น การซื้อสินค้า และการชำระหนี้ระหว่างบริษัท” ลอดจ์ระบุเพิ่มเติมในคำแถลง
ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 เงินหยวนมีฐานะเป็นสกุลเงินตราที่มีการใช้ชำระหนี้ของทั่วโลกสูงที่สุดเป็นอันดับ 5 เมื่อวัดด้วยมูลค่า ด้วยส่วนแบ่ง 1.76% ตัวเลขนี้เท่ากับลดลงมา 27.5% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2016 ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ การชำระหนี้ข้ามสกุลเงินตราต่างๆ ได้ลดต่ำลง 1.3% เมื่อคิดกันเป็นมูลค่า
การที่ตัวเลขหดตัวลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเดือนมกราคมกับเดือนกุมภาพันธ์เช่นนี้ เห็นกันว่ามีสาเหตุสำคัญเนื่องจากพวกธนาคารและสถาบันการเงินของจีนต่างปิดทำการหลายวัน ระหว่างช่วงตรุษจีนในตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์
สวิฟต์ เป็นระบบให้บริการการสื่อสารด้านการเงินที่มีความปลอดภัย ซึ่งตั้งฐานอยู่ในเบลเยียม ระบบนี้เชื่อมโยงองค์การด้านการธนาคารและด้านหลักทรัพย์มากกว่า 11,000 แห่ง ตลอดจนเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดต่างๆ และลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจในกว่า 200 ประเทศและดินแดน เครือข่ายของสวิฟต์ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อธุรกรรมเงิน RMB ในทั่วโลก
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged)
