บล.ซีไอเอ็มบี ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังเดือนกรกฎาคม แกว่งตัว 50 จุด ที่ 1,450-1,500 จุด ชี้สถาการณ์ Brexit ไม่กระทบการลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีโอกาสเงินใหลกลับเข้ามาภูมิภาคเอเซีย แนะจับตาการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร และไอซีที
นายธีระศักดิ์ ธนะวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิค ตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวถึงแนวโน้มทิศทางการลงทุนในครึ่งหลังเดือนกรกฎาคมว่า ประเมินกรอบดัชนี SET Index ในครึ่งเดือนหลังกรกฎาคม มองว่ากรอบแนวรับจะอยู่ที่ประมาณ 1,450 ขณะที่ในส่วนของกรอบแนวต้านนั้น อาจจะหลุดทดสอบ 1,500 จุด เนื่องจากว่าในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ ของโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี ซึ่งหากธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณในเรื่องของการผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องไปอีก จะทำให้เม็ดเงินจากสภาพคล่องทีเกิดขึ้นมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ในส่วนของปัจจัยลบที่นักลงทุนต้องระวังนั้น ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจจะส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้เกิดความผันผวนด้วยเช่นกัน โดยอาจจะทำให้เกิดแรงเทขายเกิดขึ้น
“เรามองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ จะต้องมีความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศเพียงพอ เค้าถึงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวลมากนัก”
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการ Brexit ผ่านไปแล้ว โดยรวมไม่กระทบกับตลาดหุ้นไทย แต่การที่ตลาดหุ้นฝั่งประเทศอังกฤษที่ติดลบ หากพิจารณาเทียบอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงระหว่างเงินสกุลปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ เทียบกับเงินยูโร และยูเอสดอลลาร์สหรัฐ หรือว่าเงินเยนญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จะพบว่า นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะเข้าไปซื้อหุ้นในประเทศอังกฤษ จากการปรับลดลงของค่าเงินที่เกิดขึ้นในอัตราประมาณ 10% ซึ่งข้อดีของการที่เงินอังกฤษอ่อนค่านั้น ส่งผลดีในเรื่องมูลค่าของหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดมีราคาที่ถูกลง และทำให้เกิดแรงดึงดูดของนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าไปลงทุนในประเทศอังกฤษหลังวิกฤตการณ์ Brexit นั้นทำให้ตลาดหุ้นอังกฤษกลับฟื้นตัวขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนหุ้นต่างประเทศควรเข้าลงทุนในช่วงนี้
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่มีความโดดเด่นในการเข้าไปลงทุนในไตรมาสที่ 3/2559 CIMB มองว่า ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร และหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากกลุ่มธนาคารนั้นจะมีการประกาศผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งถ้าหากผลประกอบการดีกว่าไตรมาส 1 ในแง่ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยในช่วงครึ่งปีหลังที่จะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น จากผลประกอบการที่ประกาศออกมา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ มองว่าการเตรียมลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญของของประชาชนในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ จะได้รับการยอมรับร่างรัฐธรรมนูญบับนี้ค่อนข้างมาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบ และน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องของโรดแมป และทิศทางของการเลือกตั้ง จากก่อนหน้านี้ที่จะเป็นลักษณะของการตีร่างแล้วตกไป