บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล คาดหุ้นเยอรมันปีนี้มีอัพไซด์ 12% รับแรงหนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ล่าสุดส่งกองใหม่‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เยอรมัน อิควิตี้’ เปิดขายระหว่างวันที่27-30 มิถุนายนนี้ ระบุBREXITไม่กระทบเหตุตลาดปรับลดแล้ว แถราคาหุ้นยังถูก
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศเยอรมันยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ อาทิ การขยายตัวของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ที่ยังอยู่ในระดับที่ดี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลักที่กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์จากปริมาณยอดขายในยุโรปที่ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา อัตราการว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าบริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสเติบโตที่ดี จึงเป็นปัจจัยบวกทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเยอรมัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นเยอรมันมี P/E ค่อนข้างต่ำที่ 11.4 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2.5% รวมถึงนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นยังมีโอกาส Upside ได้อีก 12% ทำให้เริ่มมีคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นที่เป็นบวก จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมัน
ทั้งนี้ ล่าสุดเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้เปิดตัวกองทุนเปิด ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เยอรมัน อิควิตี้’ (CIMB-PRINCIPAL GEQ) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน ขนาดกองทุน 2,000 ล้านบาท กำหนดราคาเสนอขายต่อหน่วยที่ 10 บาทและมูลค่าการสั่งซื้อขั้นต่ำในครั้งแรก 5,000 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อ 27-30 มิถุนายน 2559
นายวิน กล่าวอีกว่า นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก iShares Core Dax UCITS ETF (DE) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเยอรมันเพียงกองทุนเดียว ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนที่จดทะเบียนหรือทำธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศเยอรมัน
ทั้งนี้ กองทุนหลัก iShares Core Dax UCITS ETF ที่เข้าลงทุนนั้น จะลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เยอรมันในกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างๆ ทั้งกลุ่มการเงิน, เฮลท์แคร์, สินค้าอุปโภคและบริโภค, กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม, กลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มสื่อสาร, Information Technology เช่น เลือกลงทุน Bayer Ag ผู้ผลิตและขายสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าการเกษตรและยารักษาโรค, Siemens Ag บริษัทโรงไฟฟ้าระดับโลกด้านอุตสาหกรรมพลังงานและโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐาน, BASF SE บริษัทผู้ผลิตเคมีรายใหญ่ Daimler AG บริษัทผลิตรถยนต์พรีเมี่ยมและผู้ผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงการให้บริการทางการเงินลิสซิ่งและประกันภัย, BMW บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ชั้นนำของโลก เป็นต้น
“ตลาดหุ้นเยอรมันกำลังฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต รวมถึงปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นเยอรมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น คือกองทุนบำนาญในเยอรมันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันมากขึ้นและมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป อัตราดอกเบี้ยต่ำ เราเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ณ ปัจจุบันดัชนี DAX อยู่ที่ 9,962 จุด (20 มิ.ย.2559) ซึ่ง Bloomberg consensus มองดัชนีหุ้นเยอรมันใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 11,423 จุด มี Upside เพิ่มขึ้น +12% (Bloomberg 13 มิ.ย. 2559) รวมถึงข่าว BREXIT ที่ผลจะออกในวันที่ 23 มิ.ย.2559 ซึ่งไม่ว่าจะผลจะออกมาอย่างไร เราเชื่อว่าเป็นจังหวะที่ดีที่เข้าลงทุนเพราะตลาดได้ปรับตัวลงมาพอสมควร ดังนั้น เรามองว่าจังหวะการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันในช่วงนี้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ ” นายวิน กล่าว