xs
xsm
sm
md
lg

เผยคนโยกเงินหนี ดบ.ต่ำ ขณะที่ กนง. คง ดบ.นโยบาย 1.50% ต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตรา ดบ.นโยบาย ที่ระดับ 1.50% ต่อปี เป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ โดยคณะกรรมการฯ เห็นว่า แนวโน้ม ศก. ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย แต่การรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะต่อไป พร้อมยอมรับ คนเริ่มโยกเงินหนีดอกต่ำไปซบกองทุน-พันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2559 วันนี้ (22 มิ.ย.59) ที่ประชุมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ โดยมองภาวะการเงินในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปีตามคาด ในขณะที่ภาวะการเงินในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ตามคาด แต่การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวในระดับต่ำ และการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวตามเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอลงมากกว่าคาด

สำหรับในภาพรวม แรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ และการท่องเที่ยวช่วยชดเชยการส่งออกสินค้าที่ปรับลดลง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่เท่ากับประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยความเสี่ยงด้านต่ำยังมีอยู่จากเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจขยายตัวต่ำกว่าคาด และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ยังเปราะบาง อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านภัยแล้งลดลง และราคาสินค้าเกษตรบางรายการเริ่มปรับดีขึ้น

ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน พ.ค.ที่ปรับเป็นบวกมากขึ้นจากราคาพลังงาน และอาหารสดที่เร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เริ่มปรับสูงขึ้นเล็กน้อย คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับสูงขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี

ขณะที่ภาวะการเงินอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่อยู่ในระดับต่ำ การระดมทุนโดยรวมของภาคธุรกิจ และสินเชื่อภาคครัวเรือนยังขยายตัวได้ แม้ธุรกิจบางกลุ่มยังมีข้อจำกัดในการได้รับสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ เห็นว่า ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน รวมทั้งพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) จากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน

"ภาวะการเงินอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่อยู่ในระดับต่ำ การระดมทุนโดยรวมของภาคธุรกิจและสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวได้ แม้ธุรกิจบางกลุ่มยังมีข้อจำกัดในการได้รับสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเห็นว่ายังคงต้องติดตามความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน รวมถึงปัจจุบันเริ่มเห็นพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนสูง หรือการโยกเงินฝากไปหากลุ่มกองทุน หรือกลุ่มพันธบัตรทั้งที่มีเรตติ้งและไม่มีเรตติ้งมากขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน"

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะต่อไป อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ผลการลงประชามติในสหราชอาณาจักร (Brexit) และความเสี่ยงในภาคการเงินจีน

โดยในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ เห็นว่า นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อให้ภาวะตลาดเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น