บล.ภัทร คาดจีดีพีปีนี้โตไม่ถึง 3% เพราะยังมีความเสี่ยงจากการส่งออกที่หดตัว 0.7% ส่งผลให้จีดีพีอาจโตได้แค่ 2.8% ด้านายแบงก์มองตลาดคอนโดมิเนียมแข่งขันดุ หวังระบายคอนโดมิเนียมในสต๊อกที่มีจำนวนมาก ส่วนปีหน้าคาดจีดีพีจะโตได้ถึง 3.2% จากการลงทุนภาครัฐที่สูงถึง 7.5 และส่งออกกลับมาเป็นบวก ส่วนอัตรา ดบ.นโยบายจะขยับขึ้นไปที่ 2%
ในการสัมมนาแนวโน้มเศรษฐกิจของสายสินเชื่อธุรกิจ ประจำปี 2559 ของธนาคารเกียรตินาคิน นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด กล่าวว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้ค่อยๆ ฟื้นตัว คาดว่าเติบโตร้อยละ 2.8 ต่อปี ขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่โตร้อยละ 4.3 ต่อปี และต่ำกว่าประเทศในอาเซียนที่ขยายตัวร้อยละ 4-5 โดยปัจจัยสนับสนุน คือ ภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยว 32.4 ล้านคน และการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนที่คาดว่าโตร้อยละ 10
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ การส่งออกที่ฟื้นตัวต่ำจากความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลง และเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ คาดว่าการส่งออกปีนี้หดตัวร้อยละ 0.7 ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 5.8 ส่วนการนำเข้าหดตัวร้อยละ 4.4 โดยเฉพาะการนำเข้าวัตถุดิบ และสินค้าทุน ขณะที่การบริโภคเอกชนกดดันจากภาระหนี้ภาคครัวเรือน และรายได้เกษตรกรที่ตกต่ำจากปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งสถานการณ์การเมืองต้องจับตาเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังต่ำต่อเนื่อง โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.50 ตลอดปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยอ่อนแอลงกว่าที่คาด กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลเศรษฐกิจได้
สำหรับในปี 2560 แนวโน้มเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.2 โดยเป็นผลมาจากการลงทุนภาครัฐจะสูงถึงร้อยละ 7.5 ขณะที่การส่งออกจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 0.5 และจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นถึง 34.5 ล้านคน ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้มาอยู่ที่ร้อยละ 2
น.ส.จิราภรณ์ ล้นมณีโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร กล่าวว่า ปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งอาจจะเห็นการแข่งขันการปรับลดราคาคอนโดมิเนียม และโปรโมชันส่วนลดต่างๆ เพื่อระบายคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จ และรอการขายซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายกลาง และเล็กยังมีโอกาส แต่ต้องเน้นแข่งขันในแนวราบ คือ บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ที่ยังมีอัตราการเติบโต โดยในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ยอดขายที่อยู่อาศัยแนวราบขยายตัว ร้อยละ 5-6 เมื่อเทียบกับปีก่อน สวนทางต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่ชะลอลง
ด้าน นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่ายังคงขยายตัวดีในปีนี้ ตามการขยายตัวดีของภาคบริการการท่องเที่ยว โดยลูกค้ากลุ่มหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และแรงงานภาคบริการที่ย้ายเข้ามาในเมืองใหญ่ และนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งการเปิดเออีซี ทำให้นักลงทุนในอาเซียนเข้ามาอยู่อาศัยในไทยมากขึ้น เพราะไทยนับเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของเออีซี บวกกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้า จะทำให้ตลาดเช่าซื้อที่อยู่อาศัยขยายตัวดีขึ้น โดยจังหวัดที่มีศักยภาพสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่ามี 18 จังหวัด เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี (พัทยา)
ขณะเดียวกัน ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มีแนวโน้มขยายตัวดี โดยเฉพาะเกรดบี มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักที่ร้อยละ 93 ขณะที่เกรดเอ มีอัตราการเข้าพักทรงตัวที่ร้อยละ 94 ทำให้มีห้องพักสะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าผ่าน