xs
xsm
sm
md
lg

“ชีวาทัย” ทุ่ม 586 ล้านเทกฯ คอนโดฯ AQ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บุญ ชุนเกียรติ
“ชีวาทัย” ลุยเทกโอเวอร์คอนโดฯ กลางเมือง ล่าสุดทุ่ม 586 ล้านบาท เทกโอเวอร์ “อาเรีย อโศก” ของเอคิว เอสเตท เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้ออีก 2 โครงการ ตั้งงบเทกโอเวอร์-ซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 59 รายได้ 1,500 ล้านบาท

นายบุญ ชุนเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อโครงการอาเรีย อโศก จากบริษัท เอคิว เอสเตท จากัด (มหาชน) หรือ AQ ด้วยเม็ดเงิน 586 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น 315 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันได้ปิดการขายไปแล้ว และงานก่อสร้างคืบหน้าไปราว 20%

ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่า จะคงรูปแบบการพัฒนาแบบเดิมทุกประการตามที่เอคิวได้วางเอาไว้ แต่จะเปลี่ยนเพียงชื่อโครงการ เป็น “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก” (Chewathai Residence Asoke) อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าที่ซื้อไปประสงค์จะคืนเงินบริษัทก็พร้อมจะคืนให้ ซึ่งบริษัทสามารถนำกลับมาขายได้ในราคาที่สูงขึ้นได้ เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดี โดยช่วงเปิดตัวขายในราคาเริ่มต้น 1.4 แสนบาทต่อ ตร.ม. หากเป็นราคาในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 แสนบาทต่อ ตร.ม. อย่างไรก็ตาม จะต้องรอดูโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในทำเลใกล้เคียงว่า ราคาขายจะอยู่ที่เท่าไหร่ ด้านการก่อสร้างคืบหน้าถึงชั้น 3 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560

“เราใช้เวลาในการเจรจา และทำสัญญา 4 เดือน จากคู่แข่ง 2-3 ราย แต่ทาง AQ ได้ตัดสินใจขายโครงการดังกล่าวให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ เพราะชีวาทัยได้แสดงเจตนาที่ต้องการเทกโอเวอร์โครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใกล้เขตซีบีดี ตรงกับแนวทางการพัฒนาของบริษัทฯ ที่ต้องการขยับการลงทุนพัฒนาโครงการในเมืองมากขึ้น อีกทั้ง AQ ยังมองว่า ชีวาทัยมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอาคารสูง และเทกโอเวอร์มาแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ และฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน ซึ่งทั้ง 2 โครงการประสบความสำเร็จอย่างมาก” นายบุญ กล่าว

ทั้งนี้ การซื้อโครงการในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นวิธีการลงทุนแบบทางลัด หรือ Fasttrack เพราะไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทำให้ลดต้นทุนมีความเสี่ยงน้อยลง แม้จะได้ผลกำไรน้อยกว่าการพัฒนาเอง แต่บริษัทจะได้เงินลงทุนกลับมาเร็ว

นายบุญ กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากการเมืองน่าจะนิ่ง แต่ยังมีความกังวลในเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งจะทำให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบัน ลูกค้าของบริษัทฯ มียอดปฏิเสธสินเชื่อ หรือ Reject ประมาณ 5%

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบวงเงิน 2,000 ล้านบาท ในการเทกโอเวอร์โครงการ และซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อโครงการคอนโดฯ 2 โครงการ ซึ่งที่ผ่านมา มีโครงการต่างๆ เข้ามาเสนอขายอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าของโครงการขาดความชำนาญในการพัฒนา ขาดเม็ดเงินลงทุนฯ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินย่านชานเมืองกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ อีก 2 แปลง คาดว่าภายในปลายปี 2560 พอร์ตรายได้โครงการแนวราบจะอยู่ที่ 40% และคอนโดฯ 60%

สำหรับแผนพัฒนาโครงการในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 2 โครงการ ได้แก่ คอนโดมิเนียม ย่านเพชรเกษม และโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ย่านรังสิตคลอง 1 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ที่ 1,500 ล้านบาท โต 10-20% จากปี 2558 ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปิดยอดขายไปได้ 532 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น