แกรนด์ยูฯ เล็งขยายฐานลูกค้าห้องชุดขยับจับตลาดบนราคา 1-2 แสนบาทต่อ ตร.ม. แจงปี 59 เปิดตัว 3 โครงการช่วงปลายปี มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท คาด ก.ย.เปิดตัวคอนโดยู เกษตรนวมินทร์ บนพื้นที่ 6 ไร่ จำนวน 444 ยูนิต มูลค่า 820 ล้าบาท เป็นโครงการแรก พร้อมเตรียมงบซื้อที่ดินสะสม 900 ล้านบาท เผยปี 58 รายได้รวม 3,160 ล้านบาท โต 6% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 332 ล้านบาทโต 84% พร้อมวางเป้าปี 59 รายได้ 4,058 ล้านบาทโต 28% ยอดขาย 5,500 ล้านบาท โต 77% จากปี 58
นายวรวรรต ศรีสอ้าน ประธานบริหาร บริษัท แกรนด์ยูนิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะใช้งบประมาณในการซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาโครงการใหม่เข้ามาประมาณ 900 ล้านบาท คาดว่าในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้จะได้ข้อสรุปการซื้อที่ดินแปลงแรกในทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ย่านสะพานใหม่เข้ามาสำหรับโครงการแรกที่จะมีการเปิดตัวในปีนี้ คือ โครงการคอนโดยู เกษตรนวมินทร์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 444 ยูนิต มูลค่าโครงการ 820 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินพัฒนาโครงการ 6 ไร่ โดยที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัทได้ซื้อเข้ามารอการพัฒนาในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยทำเลดังกล่าวถือว่าเป็นบนทำเลศักยภาพในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูวิ่งผ่าน และเป็นจุดเชื่อมต่อถนนหลักรามอินทรา-ประดิษฐ์มนูธรรม จะเปิดตัวเดือน ก.ย.ปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ที่มีราคาขายขยับสูงขึ้นไปแตะระดับราคา 1-2 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เพื่อเป็นการขยายพอร์ตสินค้า และขยายฐสานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยโครงการห้องชุดระดับราคาดังกล่าวบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณา และเจราจาซื้อที่ดินทำเลย่านสะพานควาย ซอยอารีย์ หรือบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการในราคาขายระดับ 1-2 แสนบาทต่อ ตร.ม.ได้
ทั้งนี้ การขยับขึ้นไปพัฒนาโครงการระดับราคา 1-2 แสนบาทนั้น เป็นการเพิ่มพอร์ต และขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่พัฒนาออกสูตลาดอยู่ 3 แบรนด์ ซึ่งจับกลุ่มตลาดราคา 1-5 ล้านบาท ประกอบด้วย แบรนด์คอนโดยู ราคา 1-2 ล้านบาท แบรนด์ยูดีไลท์ ราคา 2-3 ล้านบาท และแบรนด์ ยูดีไลท์ เรสซิเด้นท์ ราคา 3-5 ล้านบาท
“นโยบายหลักของบริษัทในขณะนี้คือการเน้นการซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาเข้ามา และยื่นขอ EIA เพื่อรอเปิดตัวในช่วงที่ตลาดขยายตัว ซึ่งหากตลาดใดมีอัตราการขยายตัวที่ดี และหากเป็นตลาดเดียวกับที่บริษัทมีสินค้าก็จะเปิดตัวรองรับกับความต้องการของตลาดได้ทันที”
นายสันติ ตันติไชยบริบูรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และการตลาด กล่าวว่า ในปี 58 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 3,160 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 332 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 84% ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือ 4,150 ล้านบาท จาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย โดยจะทยอยโอนในปี 59 ประมาณ 3,460 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 1,050 ล้านบาท จะยกไปรับรู้ในปี 60
สำหรับปี 59 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมที่ 4,058 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ประมาณ 28% ส่วนยอดขายของปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 5,500 ล้านบาท โตจากปี 58 ประมาณ 77% โดยยอดขายดังกล่าวจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 30% ของเป้า ส่วนที่เหลือ 70% จะทยอยเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 3 โครงการตามแผน