“เซ็นทรัลพัฒนา” เผยเตรียมงบการลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท ขยายสาขาศูนย์การค้าแห่งใหม่ทั้งใน และต่างประเทศ ลั่นเตรียมเปิดเซ็นทรัลนครศรีธรรมราช กลางปีนี้ พร้อมกางแผนการลงทุนสร้างศูนย์การค้าในต่างประเทศนอกเหนือจากมาเลเซีย โดยอยู่ในขั้นศึกษาความคุ้มค่าการลงทุน และหาพันธมิตรที่เหมาะสม พร้อมคงเป้ารายได้เติบโตทั้งปี 14-15% ส่วนเรื่องแปรสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ เป็นกองรีตนั้นยังไม่เรียบร้อย เหตุติดข้อกฎหมาย ซึ่งส่งให้ ก.ล.ต.พิจารณาแล้ว คาดได้ข้อสรุปไม่นาน
น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงานการเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 14-15% จากปีก่อนทำได้ 2.66 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามาใหม่ในปีนี้ ได้แก่ การรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต เซ็นทรัลพลาซา ระยอง และเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิว ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้วในปีที่ผ่านมา
“บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตที่ได้ 14-15% จากการรับรู้รายได้ของศูนย์การค้าที่เปิดให้บริการไปในปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้เข้ามาเต็มปี และเตรียมที่เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง ส่วนทิศทางในไตรมาส 2 นั้น มองว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงกับไตรมาสแรก จากเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2559 เป็นช่วงของโลว์ซีซัน แม้ว่าในเดือนเมษายน บริษัทมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายเพิ่มขึ้นที่เป็นช่วงของวันหยุดยาว”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการเปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 1 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 ตลอดจนถึงศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา นครราชสีมา และเซ็นทรัลภูเก็ต ที่จะเปิดสาขาเฟส 2 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์การค้าบางส่วนใน 4 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล พลาซาบางนา เซ็นทรัล พลาซาพระราม 3 เซ็นทรัล เซ็นเตอร์ พัทยา และเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้
ขณะที่เตรียมในส่วนของการบริหารพื้นที่เช่าบริษัทฯ ได้เตรียมที่จะปรับขึ้นราคาค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าอีกประมาณ 2-3% เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะที่ในส่วนของพื้นที่สำนักงานให้เช่าก็จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3-5% ในปีนี้เช่นกัน
ส่วนแผนการเข้าไปลงทุนสร้างศูนย์การค้าในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ได้มีการศึกษา และเตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนได้ว่าจะเป็นที่ไหน และเมื่อไหร่ เพราะจะต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการที่จะเข้าไปลงทุนอย่างเหมาะสม ทั้งรายได้ และกำไร ตลอดจนพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนด้วยเช่นกัน จากก่อนหน้านี้ ที่บริษัทฯ ได้ไปลงทุนสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล i-City ในประเทศมาเลเซียแล้ว
ในส่วนของงานที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทฯ ได้เริ่มการก่อสร้างบางส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อ Escent ไปบ้างแล้ว จากจำนวน 3 โครงการ คือ Escent ขอนแก่น ซึ่งมียอดพรีเซลล่าสุดแล้ว 86% ขณะที่ในส่วนของโครงการ Escent เชียงใหม่ มียอดพรีเซลแล้ว 100% และโครงการ Escent ในจังหวัดระยอง มียอดพรีเซลแล้ว 80% โดยคาดว่าทั้ง 3 แห่ง จะสามารถดำเนินการก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยภายในปี 2561 และสามารถรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียมทั้ง 3 แห่งนี้ ประมาณ 5-7% ของรายได้รวมทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเงินลงทุนในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท โดยหลักๆ ของการใช้เงินจะเน้นไปที่การลงทุนศูนย์การค้าแห่งใหม่ และปรับปรุงศูนย์การค้าเดิม ตลอดจนถึงการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อใช้พัฒนาด้านโครงการต่างๆ ของบริษัทในอนาคตต่อไป
ขณะที่ในส่วนของการแปลงสภาพกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNRF เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT คาดว่าจะมีความชัดเจน และสามารถหาข้อสรุปได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องของกฎต่างๆ จาก ก.ล.ต. ซึ่งบริษัทฯ ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเกิดขึ้น หรือยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน เนื่องด้วยปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ หรือ D/E เพียง 1 เท่า อีกทั้งยังมีศักยภาพในการกู้ยืมจากสถาบันการเงินได้อีกหากมีเหตุที่จะต้องใช้เงินเพิ่ม ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ จำนวน 3,000-5,000 ล้านบาท เพื่อไปทดแทนหุ้นกู้ชุดเก่าที่กำลังจะหมดวาระลง และครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน