รองนายกฯ “สมคิด” เป่านกหวีดลุยลงทุนภาครัฐวงเงิน 5.5 ล้านล้าน เน้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระยะเวลา 5 ปี ประเดิม เฟสแรกการประมูลรถไฟ 3 เส้นทางในเดือนนี้ เพื่อดันเศรษฐกิจโตตามนโยบาย “สมคิด แฟกเตอร์” พร้อมเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างภาคสังคม การศึกษา และการสาธารณสุข
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แสดงปาฐกถาพิเศษ “อนาคตประเทศไทยกับทศวรรษใหม่แห่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน” โดยระบุว่า มั่นใจประเทศไทยจะดีขึ้นหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน แม้ว่าจีดีพีจะไม่โตแบบก้าวกระโดด โดยช่วงเดือนที่ผ่านมา มีข่าวดีตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจหรือจีดีพี ไตรมาส 1/2559 ที่ออกมาโตร้อยละ 3.2 แต่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น หวังพึ่งพิงไม่ได้
ดังนั้น ไทยต้องพึ่งตัวเอง ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ เพราะช่วงปีนี้เป็นปีที่สำคัญมาก การดำเนินนโยบายทั้งหมดเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย “สมคิด แฟกเตอร์” ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐ และเอกชนเร่งลงทุนทั้งระบบ จะเริ่มดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จากการเปิดประมูลโครงการรถไฟ 3 เส้นทางเดือนมิถุนายนนี้ ได้แก่ สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร วงเงิน 53,490 ล้านบาท สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 51,810 ล้านบาท และสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กิโลเมตร วงเงิน 82,907 ล้านบาท ซึ่งวันที่ 10 มิถุนายน จะเดินทางร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ รัฐบาลวางโครงการระยะ 5 ปี ทั้งการลงทุนระบบดิจิตอล จากวงเงินทั้งหมด 500,000 ล้านบาท แต่จะมีการเบิกจ่ายลงทุนปีนี้ 15,000 ล้านบาท โครงการพลังงาน วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีก 2.5 ล้านล้านบาท รวมแล้ว 5.5 ล้านล้านบาท เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ ดังนั้น หวังว่าเอกชนจะกล้าลงทุนตามภาครัฐ เพราะปีนี้รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้ 2 เท่าสำหรับเอกชนที่ลงทุนปีนี้เท่านั้น และอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเอื้อต่อการลงทุน ทั้งหมดนี้หากดำเนินการร่วมกันเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลจะมีการปฏิรูปโครงสร้างภาคสังคม การศึกษา การสาธารณสุข โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะใช้โครงการประชารัฐเข้าไปดูแลเหมือนกับการดูแลภาคเกษตกร เพราะคนส่วนใหญ่ คือ เกษตกรยังลำบาก ดังนั้น รัฐบาลเตรียมงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลจะไม่ใช่วิธีการอัดฉีดเงินเหมือนในอเมริกา หรือยุโรป แต่จะใช้การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อให้ยั่งยืน โดยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความสามารถการแข่งขันของประเทศต้องแก้ 2 เรื่องหลักให้ได้ ซึ่งการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไม่สำเร็จในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุดในการปฏิรูป