ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต.เผยเตรียมเพิ่มมาตรการ และบทลงโทษผู้กระทำผิดทั้งทางแพ่ง และอาญารัดกุมในทุกมูลฐานการกระทำผิด ทั้งให้ข้อมูลข่าวเท็จ อินไซด์หุ้น ปั่นหุ้น คุมเข้มผู้บริหาร บจ.นอกคอก ชี้ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของ สนช.คาดได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายสมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ก.ล.ต.ได้เพิ่มแนวทาง และมาตรการกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ตามมูลฐานความผิดในลักษณะต่างๆ ทั้งทางคดีแพ่ง ควบคู่ไปกับมาตรการความผิดที่ร้ายแรงอันทำให้เกิดความเสียหายนอกเหนือจากคดีอาญาที่มีบังคับใช้อยู่เดิม
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ในกระบวนการรออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้ และจะสามารถประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในปลายปีนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทาง สนช.ว่าจะให้มีการปรับปรุงในส่วนใดอีกหรือไม่
“กฎหมายใหม่นี้ถ้าประกาศใช้จะช่วยให้ลดขั้นตอนการดำเนินงานลงได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ ก.ล.ต.สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เห็นผลเร็วขึ้น จากก่อนหน้านี้ ที่มีเพียงการลงโทษทางอาญาเพียงอย่างเดียว และมีกระบวนการกลั่นกรองข้อมูลจากหลายหน่วยงานทำให้เกิดความซ้ำซ้อน และล่าช้า”
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.จะมีการทบทวน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีอาญาของหน่วยงานในชั้นก่อนฟ้องเพื่อลดความซ้ำซ้อนในชั้นรวบรวมพยานหลักฐาน โดยแบ่งหน้าที่ให้ ก.ล.ต.ทำเฉพาะมาตรการลงโทษทางแพ่ง ส่วน DSI จะเป็นผู้ดำเนินคดีทางอาญา และให้ ก.ล.ต.ร่วมสอบสวนด้วย และหากมีกรณีที่มีผลเสียหายร้ายแรงทั้งในส่วนของคดีแพ่ง และอาญา ก็จะมี ปปง.เข้ามาร่วมในการพิจารณาบทลงโทษอีกด้วย
ขณะที่ในส่วนของกรณีการดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือฟ้องร้องหมู่นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะผู้เสียหายจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ซึ่งการดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือฟ้องหมู่ (Class Action) กรณีการได้รับความเสียหายจากการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นยาก แม้กฎหมายจะออกมาแล้ว เพราะจะต้องมีผู้เสียหาย 1 คนยอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินคดีฟ้อง แต่ผู้เสียหายได้รับความเสียหายไปแล้วก็จะไม่ยอมเสียเงินเพิ่มที่จะจ่ายเพื่อฟ้องคดี โดย ก.ล.ต.มองว่า หากกรณีจะมีการดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเกิดขึ้นในกรณีการฟ้องผู้บริหารที่ใช้ข้อมูลภายใน เพราะหากชนะคดีผู้บริหารก็มีเงินในการชำระค่าเสียหายให้นักลงทุน
ทั้งนี้ ในส่วนของ บมจ.โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ขณะนี้ ก.ล.ต.ยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่เกิดขึ้นของบริษัทฯ หลังจากที่บริษัทมีการแก้ไขงบการเงินไตรมาส 1/2559 และกรณีที่มีผู้ถือหุ้นได้มีการขายหุ้นออกมาก่อนที่ SOLAR จะมีการประกาศงบการเงินที่มีผลขาดทุน โดยต้องรอตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้ส่งข้อมูล และรวบรวมหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม
สำหรับการกระทำความผิดที่เข้าข่ายเป็นการกระทำการอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น หรือการตัดสินใจของผู้ลงทุนนั้น ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลเท็จ หรือทำให้สำคัญผิด การเปิดเผยข้อมูลโดยยังไม่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ การเผยแพร่ข่าวลืออันเป็นเท็จ นอกจากนี้ ยังห้ามให้มีการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน และการสร้างราคา หรือปั่นหุ้นซึ่งจะทำให้ราคาหุ้น และสภาวะตลาดผิดไปจากปกติ