นานทีจะมีคนพูดถึงการลงทุนในหุ้นได้เข้าท่า จึงต้องชมเชย และถ่ายทอดกันหน่อย สำหรับ นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด ซึ่งออกมาแนะนำแนวทางการเลือกหุ้นที่ใสสะอาด
หุ้นที่มีความใสสะอาด เป็นหัวใจหลักของการลงทุน แต่กลับไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกต่อการให้คำแนะนำสักเท่าไหร่
การเลือกหุ้นที่ใสสะอาดนั้น นายวิน เสนอแนะให้พิจารณามิติในเชิงคุณภาพเป็นอันดับแรก โดยต้องมีความโปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ต้องเป็นบริษัทที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือสังคม และประกาศตัวชัดเจนถึงการต่อต้านการคอร์รัปชัน ยิ่งลงมือปฏิบัติให้เป็นที่ประจักษ์ยิ่งได้รับการพิจารณาเข้าลงทุน
เมื่อผ่านการกลั่นกรองในเชิงคุณภาพแล้วจึงพิจารณาปัจจัยในเชิงปริมาณ โดยวิเคราะห์แนวโน้มผลการดำเนินงานต้องเติบโตอย่างยั่งยืน มีราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ทั้งด้านผลตอบแทนจากการลงทุน และผลกำไรต่อหุ้น
ถ้าฟังนักวิเคราะห์หุ้นทั่วไป คำแนะนำการเลือกหุ้นจะแตกต่าง โดยนักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะชี้นำด้วยสัญญาณแนวรับแนวต้านลูกเดียว
นักวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานจะมองแค่องค์ประกอบด้านปัจจัยพื้นฐาน และการคาดหมายแนวโน้มผลประกอบการเท่านั้น
แต่บ่อยครั้งประมาณการผลกำไรบริษัทที่สวยหรูก็เป็นตัวเลขที่มโนกันขึ้นมา ไม่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมโนขึ้นมา นักวิเคราะห์ก็มโนไปเอง
และถ้าฟังคำแนะนำจากมาร์เกตติ้งยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเชียร์ซื้อเชียร์ขาย ปลุกเร้าให้เก็งกำไรลูกเดียว มีข่าวลือมาปล่อยไม่เว้นแต่ละวัน มีหุ้นดีเด็ดมาชักชวนให้ตามแห่ได้ทุกวัน
จะเป็นเพราะนักลงทุนไม่สนใจลงทุนหุ้นดีๆ หรือเป็นเพราะบริษัทโบรกเกอร์เร่งกอบโกยรายได้จากค่านายหน้าการซื้อขายหุ้น จึงทำให้มาตรฐานคำแนะนำการลงทุนยังจมปรักกับการยั่วยุเก็งกำไรระยะสั้นกันแทบทั้งระบบ
เมื่อบริษัทโบรกเกอร์ที่มีหน้าที่ให้คำแนะนำการลงทุนที่ดีไม่พัฒนา คุณภาพนักลงทุนก็ไม่ได้รับการพัฒนา ตลาดหุ้นจึงเป็นตลาดหุ้นที่ด้อยพัฒนาตามไปด้วย
การลงทุนในตลาดหุ้นจึงเป็นพฤติกรรมของการหมกมุ่นเก็งกำไรกึ่งการพนัน และทำให้นักลงทุนที่เดินเข้ามาในตลาดหุ้นมักได้รับความเสียหายจนต้องเดินกลับออกไป
ค่านิยมการลงทุน โดยมุ่งไปสู่หุ้นที่ทำให้รวยเร็ว ทำให้ตลาดหุ้นไทยติดหล่มการพัฒนามากว่า 40 ปี เพิ่งจะเห็นสัญญาณที่ดีในการเปลี่ยนผ่านช่วงไม่กี่ปีมานี้
อาจใกล้เวลาแล้วที่ตลาดหุ้นจะเปลี่ยนจากภาพลักษณ์การเป็นบ่อนพนัน ซึ่งเต็มไปด้วยพฤติกรรมปั่น เต็มไปด้วยขบวนการต้มตุ๋น ไปสู่แหล่งลงทุนที่มีความโปร่งใส เคร่งครัดในหลักธรรมาภิบาล
เพราะกระแสการรณรงค์หุ้นธรรมาภิบาลกำลังมาแรง โดยหุ้นตัวใดที่มีพฤติกรรมไร้ธรรมาภิบาลถูกต่อต้านอย่างหนัก ถึงขั้นไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ไม่สนับสนุนในทุกด้าน ไม่ซื้อหุ้นเข้าพอร์ต หรือถ้าถืออยู่ขายทิ้งเสียด้วยซ้ำ
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปีนี้ประกาศกล่าวโทษ และลงโทษกลุ่มผู้กระทำความผิดในตลาดหุ้นไปแล้วนับไม่ถ้วนแสดงถึงนโยบายการปราบปรามคดีหุ้นที่มีความเข้นข้น และจริงจังมากขึ้น
หลายองค์กรในตลาดหุ้นก็ลุกขึ้นประกาศมาตรการต่อต้านบริษัทจดทะเบียนที่ทุจริต ไม่ให้การสนับสนุนในทุกด้าน ไม่เว้นแม้สื่อไร้จรรยาบรรณที่ถูกตัดงบการโฆษณา
ผู้บริหารกองทุน ผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ และนักวิเคราะห์บางส่วนหันมาให้ความสำคัญต่อการให้คำแนะนำการลงทุนในแนวทางที่สร้างสรรค์
ถ้าคนในแวดวงตลาดหุ้นเข้าใจปรัชญาการพัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน จับมือกันรณรงค์สร้างความใสสะอาดของการลงทุน ร่วมกันปฏิรูปคำแนะนำการเลือกหุ้นที่จะลงทุนเสียใหม่
เลิกเชียร์หุ้นปั่น แต่หันมาส่งสัญญาณชี้นำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นที่ไร้ธรรมาภิบาล ไม่ซื้อหุ้นเน่าๆ เริ่มต้นการปฏิรูปเพียงเท่านี้ตลาดหุ้นก็ใสสะอาดขึ้นทันตาเห็นแล้ว