กรุงไทย ประกาศกำไรไตรมาสแรกลด 4.9% หลังโหมกันสำรองฯ ด้านกรุงศรี-ซีไอเอ็มบีไทย แจ้งกำไรเพิ่ม 19% และ 150% ตามลำดับ จากรายได้ที่เพิ้มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่าย พร้อมเดินหน้าอย่างระมัดระวังต่อไปในช่วงที่เหลือของปี
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2559 ที่ 7,540 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.9% โดยส่วนหนึ่งมาจากธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า จำนวน 8,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,899 ล้านบาท (ร้อยละ 131.55) จากไตรมาสที่ 1/2558 โดยในปี 2559 ธนาคารได้ปรับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรายเดือนเพิ่มเป็นเดือนละ 1,000 ล้านบาท จากเดิมเดือนละ 700 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกต่อจำนวนสินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่มีอยู่รวมถึงปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ธนาคารได้พิจารณากันสำรองเพิ่ม 4,000 ล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นประกอบกับนโยบายการรักษาระดับของอัตราส่วนเงินสำรอง ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้ไม่ต่ำกว่า 100% ตามหลักเกณฑ์ความระมัดระวัง โดย Coverage Ratio อยู่ในระดับ 103.43% ลดลงจาก 112.55% ณ 31 ธันวาคม 2558
ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ณ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 90,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,660 ล้านบาท (ร้อยละ 17.89) จาก ณ 31 ธันวาคม 2558 โดยมี NPL Ratio (gross) เท่ากับ ร้อยละ 3.70 และ NPL Ratio (net) เท่ากับ ร้อยละ 1.89 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเกิดจากสินเชื่อด้อยคุณภาพจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และ SME ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ประกอบกับสินเชื่อด้อยคุณภาพจากลูกค้า SME และรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (กรุงศรี) รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2559 จำนวน 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาส 4/2558 เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาส 4/2558 ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 45.9% จาก 47.6% ในไตรมาส 4/2558 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.81% เทียบกับ 3.82% ในไตรมาส 4/2558
ด้านเงินให้สินเชื่อลดลง 0.1% หรือจำนวน 1.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ขณะที่ NPL อยู่ที่ 2.28% ของเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.24% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 โดยมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับ 142.9% เทียบกับ 140.6% ณ สิ้นปี 2558 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.5%
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารในระยะต่อไป ธนาคารคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งจะสนับสนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่ออย่างครอบคลุมที่ 5-6% อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะช้ากว่าที่คาด ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
CIMBT กำไรโตสวน ศก.ซบ
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 มีกำไรสุทธิ จำนวน 327.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 150.6% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2558 จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 24.9% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง 1.5% ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิลดลง 18.3% และรายได้อื่นลดลง 7.8%
นอกจากนี้ ได้สำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 12.6% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ โดยมี NIM อยู่ที่ 3.72% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2558 อยู่ที่ 2.95% เป็นผลจากการที่ธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนเงินฝากที่ดีขึ้น
ด้านเงินให้สินเชื่อสุทธิอยู่ที่ 200.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.7% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 และมี NPL ที่ 6.2 พันล้านบาท คิดเป็น 3% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ที่ 3.1% ซึ่งเป็นผลจากการที่กลุ่มธนาคารมีนโยบายการประเมินความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อที่รัดกุม และมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2559 ที่ 7,540 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.9% โดยส่วนหนึ่งมาจากธนาคารได้กันสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า จำนวน 8,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,899 ล้านบาท (ร้อยละ 131.55) จากไตรมาสที่ 1/2558 โดยในปี 2559 ธนาคารได้ปรับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรายเดือนเพิ่มเป็นเดือนละ 1,000 ล้านบาท จากเดิมเดือนละ 700 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกต่อจำนวนสินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่มีอยู่รวมถึงปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ธนาคารได้พิจารณากันสำรองเพิ่ม 4,000 ล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นประกอบกับนโยบายการรักษาระดับของอัตราส่วนเงินสำรอง ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้ไม่ต่ำกว่า 100% ตามหลักเกณฑ์ความระมัดระวัง โดย Coverage Ratio อยู่ในระดับ 103.43% ลดลงจาก 112.55% ณ 31 ธันวาคม 2558
ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ณ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 90,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,660 ล้านบาท (ร้อยละ 17.89) จาก ณ 31 ธันวาคม 2558 โดยมี NPL Ratio (gross) เท่ากับ ร้อยละ 3.70 และ NPL Ratio (net) เท่ากับ ร้อยละ 1.89 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเกิดจากสินเชื่อด้อยคุณภาพจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และ SME ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ประกอบกับสินเชื่อด้อยคุณภาพจากลูกค้า SME และรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (กรุงศรี) รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2559 จำนวน 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาส 4/2558 เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาส 4/2558 ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 45.9% จาก 47.6% ในไตรมาส 4/2558 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.81% เทียบกับ 3.82% ในไตรมาส 4/2558
ด้านเงินให้สินเชื่อลดลง 0.1% หรือจำนวน 1.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ขณะที่ NPL อยู่ที่ 2.28% ของเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.24% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 โดยมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับ 142.9% เทียบกับ 140.6% ณ สิ้นปี 2558 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.5%
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารในระยะต่อไป ธนาคารคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งจะสนับสนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่ออย่างครอบคลุมที่ 5-6% อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะช้ากว่าที่คาด ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
CIMBT กำไรโตสวน ศก.ซบ
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 มีกำไรสุทธิ จำนวน 327.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 150.6% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2558 จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 24.9% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง 1.5% ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิลดลง 18.3% และรายได้อื่นลดลง 7.8%
นอกจากนี้ ได้สำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 12.6% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ โดยมี NIM อยู่ที่ 3.72% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2558 อยู่ที่ 2.95% เป็นผลจากการที่ธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนเงินฝากที่ดีขึ้น
ด้านเงินให้สินเชื่อสุทธิอยู่ที่ 200.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.7% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 และมี NPL ที่ 6.2 พันล้านบาท คิดเป็น 3% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ที่ 3.1% ซึ่งเป็นผลจากการที่กลุ่มธนาคารมีนโยบายการประเมินความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อที่รัดกุม และมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ