xs
xsm
sm
md
lg

XO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15% จ่อเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์เตรียม XW 3 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายจิตติพร  จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็กโซติค ฟู้ด หรือ XO
XO ตั้งเป้าทั้งปีโตขั้นต่ำ 15% จากปีก่อน ยอดออเดอร์ไตรมาส 1/2559 เข้าเป้า ส่วนโรงงานใหม่คาดทดสอบระบบปลาย เม.ย. พร้อมเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ต้นไตรมาส 3/59 นี้ได้แน่นอน หนุนกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัวรองรับยอดขายที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เตรียมเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ระดมทุนนำเงินที่ได้นำไปใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจ ทำดีล M&A หวังสร้าง Synergy ในอนาคต โดยกำหนดวัน XW 3 พ.ค.นี้ และคาดว่าหากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จ หนุน XO โตอย่างมีนัยสำคัญได้

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด หรือ XO เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 2559 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา วางเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโตขั้นต่ำ 15% จากปี 2558 อยู่ที่ 740.11 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2559 จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทฯ ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี และที่ส่งออกไปแล้วสนับสนุนยอดขายในช่วงดังกล่าวให้โตกว่า 20-25% เกินเป้าหมายไตรมาสแรกเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นทิศทางที่ดีของธุรกิจ และมั่นใจว่าในช่วงต่อจากนี้บริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/2559 รองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังของปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายเป็นเงินบาทแล้วกว่า 57% สกุลเงินยูโร 12% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 31% จากก่อนหน้านี้ ยอดขายของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินยูโรเป็นหลัก ทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า และลดคความเสี่ยงในเรื่องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

“สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ คือ สินค้าประเภทซอสที่ขายดีที่สุด ในปีที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 67% ของยอดขายทั้งหมด ขณะเดียวกัน ก็เป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีที่สุดด้วย แต่ในช่วงที่ผ่านมามีข้อจำกัดในการเติบโตอยู่บ้าง เพราะกำลังการผลิตที่เต็มแล้วจึงไม่สามารถรองรับออเดอร์จากลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาได้ โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องในลักษณะเทสต์รันในช่วงปลายเดือนเมษายน และจะผลิตเชิงพาณิชย์ในต้นไตรมาส 3 ปีนี้นั้นเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการดันยอดขายของบริษัทฯ ให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว อยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นตันต่อ 1 กะ (8 ชั่วโมง) หรือคิดเป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 7 พันตันต่อ 1 กะ (8 ชั่วโมง) และโรงงานใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 2 กะ หากมียอดขายเข้ามาจำนวนมาก อีกทั้งเครื่องจักรที่ใช้มีความทันสมัยช่วยลดการสูญเสียในการผลิต และใช้คนน้อย จะสามารถช่วยลดต้นทุน และมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นโรงงานแห่งใหม่ บริษัทฯ จะมีไลน์การผลิตซอสทั้งสิ้น 2 ไลน์ก่อน และสามารถเพิ่มไลน์การผลิตซอสได้เต็มที่อีก 4 ไลน์ในอนาคต”

อย่างไรก็ตาม จากแผนการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 70,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 หรือ XO-W1 นั้น เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับหมดทั้งจำนวนได้แน่นอน เนื่องจากแผนธุรกิจมีความชัดเจน เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจ ทั้งแผนการเข้าซื้อกิจการ และการควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 ดีล หวังสร้าง Synergy ในอนาคต และหากดีลดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วบริษัทฯ ก็มีความสามารถในการกู้เงินเพื่อมาลงทุนก่อนได้อีกมาก เพราะอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังต่ำเพียง 0.3 เท่า และบริษัทฯ มีนโยบายควบคุม D/E ไม่ให้เกิน 1 เท่า

ขณะที่ดีล M&A ทั้ง 2 ดีลนั้น ดีลแรกที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อน เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และส่งออกไปต่างประเทศ รวมทั้งเป็นสินค้าที่ XO ขายอยู่ในปัจุบัน แต่ไม่ได้ผลิตเอง โดยในปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท การร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ทั้ง XO และตัวบริษัทดังกล่าวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯ ได้พูดคุยกันไปพอสมควรแล้ว และหากดีลดังกล่าวเรียบร้อยมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ส่วนดีลที่ 2 เป็นธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์คล้ายๆ กับ XO แต่เป็นยี่ห้อเก่าที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งบริษัทฯ มีความสนใจจะซื้อสูตร และแบรนด์สินค้ามาผลิตเองเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และยังสามารถนำยี่ห้อดังกล่าวรุกตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติมได้อีกด้วย จากปัจจุบันยอดขายราว 99% เป็นการส่งออกทั้งหมด

สำหรับผลประกอบการงวดปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 740.11 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 85.84 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 35,100,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 176,750,000 บาท รวมเป็น 211,850,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 70,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 หรือ XO-W1 จำนวนไม่เกิน 70,000,000 หุ้น ที่จัดสรรจัดให้ผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า และเพื่อรองรับการปรับสิทธิ ESOP Warrant โดย XO-W1 มีอายุไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ในราคา 4 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหลักทรัพย์แปลงสภาพ (XW) 3 พฤษภาคม 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร 9 พฤษภาคม 2559 และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น 25 เม.ย. 2559

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2559 วันที่จ่ายปันผล 19 พฤษภาคม 2559
กองทุนต่างชาติเล็งเข้าถือหุ้น WHA 5.8% บอร์ดฟุ้งธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง คาดเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.7 หมื่นล้านบาท
กองทุนต่างชาติเล็งเข้าถือหุ้น WHA 5.8% บอร์ดฟุ้งธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง คาดเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.7 หมื่นล้านบาท
กองทุน Templeton fund และ Capital Research จากต่างชาติเข้าถือหุ้น ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำนวน 5.8% ในสัดส่วนของ นางจรีพร จารุกรสกุล และ นายสมยศ อนันตประยูร บอร์ดคุยฟุ้งกองทุนเล็งเห็นโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายหลังการควบรวมกิจการ HEMRAJ บวกกับราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการลงทุน และแผนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งด้านคลังสินค้าศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และการบริหารคลังข้อมูลดิจิตอล หนุนเป้ารายได้ปีนี้โต 1.7 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น