บล.โกลเบล็ก ชี้ตลาดหุ้นไทยฟื้นรับ QE ประเมิน SET Index มีลุ้นเด้งขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุด ส่วนราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลงหลังเศรษฐกิจมีสัญญาณเชิงบวก นักลงทุนโยกเงินเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใช้มาตรการ QE เพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มีนาคม หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์ หดตัว 0.2% และกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%-0.50% ในการประชุมวันที่ 15-16 มีนาคมนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หลังจากรัสเซียใกล้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปกในการจำกัดการผลิตน้ำมัน
ประกอบกับธนาคารกลางจีนลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ลง 0.5% เหลือ 17% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกครั้ง
อย่างไรตาม ปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกที่ติดลบ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมปรับลดเป้า GDP หลังจากเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคมมีทิศทางแผ่วลง ทำให้การส่งออกติดลบ 9.3% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ปรับตัวลงแตะ 49 จุด หดตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงสู่ระดับ 51.2 จาก 52.4 ในเดือน ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของภาคบริการจีนได้ชะลอความแรงลง
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีน้ำหนักเชิงบวกตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากรัสเซียใกล้บรรลุการเจรจากับกลุ่มโอเปกในการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะใช้ QE เพิ่มเติมในการประชุม 10 มีนาคมนี้
ดังนั้น คาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,390-1,400 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy แนะนำ AOT ที่ได้ประโยชน์จากแผนขยายดอนเมืองเฟส 3 กว่า 1 หมื่นล้าน รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะเสนอบอร์ดอนุมัติ 23 มีนาคมที่จะถึงนี้ แนะกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมไปถึงกลุ่มที่มีปันผลสูง แนะนำ INTUCH ADVANC KTB KKP TISCO
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงหลังสหรัฐฯ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2007 บวกกับรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ มีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนกุมภาพันธ์ มาที่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังรัสเซียระบุว่า ใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการจำกัดการผลิตน้ำมัน ขณะที่รัสเซียเผยจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปีนี้ เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมทั้งธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ทำให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากทองคำมาที่ตลาดหุ้น
ส่วนการรายงานอัตราเงินเฟ้อระยะยาวของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น 2 เท่าในเดือนมกราคม สู่ระดับ 1.3% ซึ่งขยับเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง ทำให้มีกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเฟดจะมีการประชุมอีกครั้งช่วงวันที่ 15-16 มีนาคมนี้ รวมถึงยูโรสแตท รายงานอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่ที่ระดับ -0.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมนโยบายในวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งจะมีผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยลบต่อทองคำ
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคว่า ราคาทองยังอยู่ในช่วงพักฐานออกข้าง แต่เริ่มมีแรงกดดันการพักตัวลงเกิดขึ้น หลังราคาไม่สามารถผ่านยืนแนวต้านจุดสูงเดิมเพื่อสร้างแนวขึ้นรอบใหม่ ขณะที่ราคาเริ่มปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วันอีกครั้ง ด้วยแนวเรียงตัวแท่งเทียนที่เป็นลบมากขึ้น บวกค่าสัญญาณ RSI เริ่มปรับลงจากสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE ทำให้ราคามีโอกาสปรับลงรอบใหม่โดยให้แนวรับ 1,190-1,185 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,260-1,265 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์