xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.เผยแรงส่ง ศก.ไทยเดือน ม.ค.59 เริ่มแผ่ว ทั้งการบริโภคเอกชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ธปท. เผยแรงส่ง ศก.ไทยเดือน ม.ค.59 เริ่มแผ่ว ทั้งการบริโภคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ แต่มีภาคท่องเที่ยวช่วยหนุน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจ และการเงินในเดือน ม.ค.59 โดยระบุว่า ในเดือน ม.ค.59 แรงส่งของเศรษฐกิจไทยมีทิศทางแผ่วลง สาเหตุหลักมาจากปัจจัยชั่วคราวที่เริ่มหมดไป ทั้งการเร่งซื้อรถยนต์ และมาตรการเร่งการใช้จ่ายของครัวเรือนในช่วงปลายปี ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวบ้าง ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐชะลอลงหลังเร่งเบิกจ่ายในเดือนก่อน

ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวสูงตามเศรษฐกิจจีน และอาเซียนที่ชะลอตัว และราคาสินค้าส่งออกที่ลดลงตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้การผลิต และการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สนับสนุนให้ภาคบริการขยายตัวดี

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบจากผลของราคาน้ำมันที่ลดลง อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูง ตามมูลค่าการนำเข้าที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายกลับมาเกินดุลจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.59 ภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ช่วยสนับสนุนให้ภาคบริการที่เกี่ยวข้องขยายตัวดี เช่น ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ธุรกิจขนส่ง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 15.0% จากระยะเดียวกันปีก่อน จากนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงขยายตัวดี และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวยุโรป

การใช้จ่ายของภาครัฐทำได้ดีต่อเนื่อง แม้แผ่วลงบ้างจากแรงกระตุ้นการเบิกจ่ายนอกงบประมาณในการลงทุนโครงการด้านคมนาคม และชลประทานที่ชะลอลง หลังจากเร่งตัวสูงในช่วงก่อน และรายจ่ายลงทุนที่ไม่รวมเงินอุดหนุน ซึ่งขยายตัวในอัตราชะลอลง ขณะที่การจัดเก็บรายได้หดตัวเล็กน้อยจากการเลื่อนส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง และการปรับลดลงของรายได้ภาษีที่เกี่ยวต่อการนำเข้าสอดคล้องต่อการนำเข้าที่หดตัว

ส่วนเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงบ้าง หลังผลบวกจากปัจจัยชั่วคราวเริ่มหมดไป ทั้งการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิต และการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีก่อนตามมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ ประกอบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติในเดือนนี้ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนชะลอลงบ้าง

นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนการบริโภคในเดือนนี้แผ่วลงจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับลดลงเล็กน้อยจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะภัยแล้ง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี รายได้นอกภาคเกษตรที่ยังทรงตัวเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การซื้อสินค้าไม่คงทน และหมวดบริการยังขยายตัวได้บ้าง

ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวในอัตราที่สูงขึ้นที่ 9.3% จากระยะเดียวกันปีก่อน จาก 1) เศรษฐกิจจีน และอาเซียนที่ชะลอตัว 2) ผลดีจากปัจจัยชั่วคราวที่ทยอยหมดลง เช่น การส่งออกรถยนต์รุ่นใหม่ และการส่งออกในหมวดทัศนูปกรณ์ (Optical appliances and instruments) ที่ชะลอลงต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ชะลอตัว และ 3) การหดตัวต่อเนื่องของราคาสินค้าส่งออกในกลุ่มที่เกี่ยวข้องต่อปิโตรเลียม

อย่างไรก็ตาม การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปตลาดยุโรปยังมีแนวโน้มดีขึ้นตามการคาดการณ์สภาพอากาศว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นในปีนี้ และตลาดเวียดนามที่เศรษฐกิจขยายตัวดี

ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัว 17.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะการนำเข้าในหมวดเชื้อเพลิงที่หดตัวในอัตราที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ยังลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบ และสินค้าขั้นกลางไม่รวมเชื้อเพลิงหดตัวตามภาวะการส่งออกที่ซบเซา

ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวในหลายหมวดสินค้าตามการส่งออกสินค้าที่ซบเซา ประกอบกับผลจากปัจจัยชั่วคราวที่หมดลง เช่น การผลิตรถยนต์ที่หดตัวสูงหลังจากเร่งไปมากเพื่อส่งมอบในปลายปีก่อน

อย่างไรก็ตาม การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มดีขึ้นตามอุปสงค์ต่างประเทศ ด้านเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสอดคล้องต่อกำลังการผลิตที่มีเพียงพอ อีกทั้งผลบวกจากการเร่งซื้อรถยนต์เชิงพาณิชย์เริ่มหมดลง และการลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทน และกลุ่มโทรคมนาคมที่ชะลอลงบ้างหลังขยายตัวสูงในช่วงปลายปีก่อน ทั้งนี้ การระดมทุนโดยรวมของภาคธุรกิจทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบที่ -0.53% ตามการลดลงของราคาในหมวดพลังงาน สำหรับอัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการจ้างงานในภาคบริการที่ปรับดีขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลง และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายกลับมาเกินดุลในเดือนนี้ จาก (1) การเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ (2) การได้รับชำระคืนสินเชื่อทางการค้าของผู้ส่งออกไทย และ (3) การกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ การส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น