บล.เอเชีย เวลท์ มองสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากความกลัวปัญหา ศก.โลกลดลงจาก 2 กรณี คือ ตัวเลข ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญกลับมาดีขึ้น และปัญหาธนาคารในยุโรปที่ดูจะคลี่คลายลง ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรง แม้จะยังไม่อาจระบุได้ว่าการฟื้นตัวนี้จะต่อเนื่องไปได้ แต่อย่างน้อยถือเป็นข่าวดีระยะสั้น
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้เปิดตลาดมาหุ้นทั่วโลกปรับตัวเป็นบวก หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเป็นลบแรงจากการเทขายหุ้นที่เกิดจากความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเพิ่มมากขึ้นจากสถานะทางการเงิน และกำไรของธนาคารในยุโรปที่ย่ำแย่ลงจากนโยบายดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางยุโรป (ECB) แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัจจัยบวก 3 ปัจจัยช่วยหนุนตลาดหุ้น
ปัจจัยแรก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค (Consumer spending) ของสหรัฐฯ เดือนมกราคม ออกมาดีมาก หลังจากออกมาแย่ไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญเนื่องจากเป็น 2 ใน 3 ของ GDP สหรัฐฯ แม้ตัวเลข Consumer sentiment index จัดทำโดยมหาวิทยาลัย Michigan สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ตาม
ปัจจัยที่สอง หุ้นธนาคารในเยอรมนีที่โดนเททิ้งอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลับมาพุ่งแรงเมื่อวันศุกร์ (12 ก.พ.) หลังจากทาง Deutsche Bank ประกาศซื้อ Bonds ที่มีบุริมสิทธิสูงสุดทั้งหมดคืน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารไม่ได้ขาดสภาพคล่อง และฐานะทางการเงินไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่กลัวกัน นอกจากนี้ Commerzbank อันเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของเยอรมนีเช่นกัน กลับมามีผลประกอบการเป็นกำไรในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 อีกด้วย
และปัจจัยที่ 3 ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 12% หลังจากมีความหวังมากขึ้นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะบรรลุข้อตกลงการลดกำลังผลิตน้ำมันลง
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดูตลาดหุ้นจีน และไต้หวันที่ปิดทำการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยสัปดาห์นี้คาดว่า Volume การซื้อขายหุ้นจะกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ ด้านปัจจัยในประเทศจะต้องติดตามวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งก่อน
ด้านการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ตลาดทั่วโลกเริ่มมีมุมมองว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการเทขายหุ้นมากเกินไปหรือเปล่า หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีขึ้น และสถานการณ์ธนาคารในยุโรปเริ่มคลี่คลาย ทำให้น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่ผู้ลงทุนยังคงต้องระมัดระวังการลงทุน โดยกลยุทธ์การลงทุนยังคงให้น้ำหนักต่อการลงทุนในหุ้นที่มีปันผลดี พื้นฐานดี และ Valuations ถูกไว้ก่อน และเน้นหุ้นที่มี Theme และมีเรื่องราวเฉพาะ เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่จะได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ของ บล.เอเชีย เวลท์ คือ SCC ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งธุรกิจปิโตรเคมีในปีที่ผ่านมาดีมาก ทำให้ปีนี้มีโอกาสทำกำไรได้ในระดับสูง โดยธุรกิจนี้คิดเป็น 54% ของกำไรของ SCC ด้านธุรกิจปูน และวัสดุก่อสร้าง ที่คิดเป็น 34% ของกำไร ซึ่งไม่ค่อยดีในปีที่แล้ว เราก็คาดว่าในปีนี้โครงการการลงทุนภาครัฐทำให้มีปริมาณความต้องการการใช้ปูน และวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ SCC ได้รับกำไรจากธุรกิจนี้ด้วย
ด้าน Bloomberg consensus มองว่ากำไรปี 59 จะออกมาใกล้เคียงกับในปี 58 ที่ออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.54 หมื่นล้านบาท และปี 60 โต 5.1% เป็น 4.77 หมื่นล้านบาท แต่เราคาดว่านักวิเคราะห์จากนี้จะต้องปรับประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าขึ้นไปอีกจากการขยายตัวของอุปสงค์ปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างที่จะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังอยู่ในขาขึ้น
นอกจากนี้ หุ้น SCC มี Valuation ที่ต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานมาก โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E ประมาณการไปข้างหน้าของปี 2559 ที่ 10.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E เฉลี่ย 5 ปี ที่ผ่านมา ที่ระดับ 15.6 เท่า ด้านมูลค่าทางบัญชี (Book Value) เทรดที่ 2.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่อยู่ที่ 2.6-2.7 เท่า และหุ้นยังมี Dividend yield ที่ระดับ 4% ซึ่งน่าสนใจ
ด้านเทคนิคเกิดสัญญาซื้อรายวัน (Daily buy signal) ทำให้หุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้เบื้องต้นที่ระดับ 436 บาท และอาจขึ้นไปถึงระดับ 456 บาท ด้านราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐาน ตาม Bloomberg consensus อยู่ที่ 548.11 บาท