ช่วงต้นปีที่ผ่านจนถึงเวลานี้ สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ค่าเงินของประเทศเกิดใหม่ ต่างถูกเทขายอย่างหนัก แต่มีหนึ่งสินทรัพย์ที่ยังคงให้ผลตอบแทนเป็นบวกนั่นคือ ทองคำ หลายสำนักวิจัยได้คาดการณ์ว่าปีนี้อาจจะเป็นปีแรกที่ทองคำสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ในรอบ 3 ปี
ย้อนอดีตกันถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องจากจุดสูงสุดที่ระดับ 1,900 เหรียญต่อออนซ์ในปี 2014 คิดเป็นเงินบาทไทยเกือบแตะ 30,000 บาทต่อบาททองคำ แต่พอมีข่าวว่าเฟดจะทำการยกเลิกการทำคิวอี และขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ทองคำเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำกว่า 1,100 เหรียญ หลายสำนักมองว่า ทองคำอาจจะลงไปต่ำกว่าระดับ 1,000 เหรียญซึ่งต่ำกว่าต้นทุนหน้าเหมืองเสียอีก
สาเหตุเป็นเพราะทองคำได้แปลงสภาพจากสินทรัพย์ปลอดภัย มาเป็นสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ กล่าวคือ การยกเลิกคิวอี และเพิ่มดอกเบี้ยเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังดีขึ้น เงินดอลลาร์กำลังเป็นทิศทางแข็งค่า ทองคำจึงถูกเทขายเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถือครองอีกต่อไป
ล่าสุด ทองคำได้วิ่งขึ้นมาทดสอบระดับ 1,200 เหรียญ หรือใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวปรับตัวขึ้นเกือบ 50 เหรียญ ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอยู่ในทิศทางอ่อนค่า เนื่องจากการประชุมเฟดในปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เริ่มมีการส่งสัญญาณว่าปีนี้อาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้ไม่ถึง 4 ครั้งตามที่เคยประกาศไว้ จากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาแย่กว่าคาด รวมถึงระบบการเงินโลกที่ผันผวน
ความปั่นป่วนของระบบการเงินโลกในขณะนี้เกิดขึ้นจาก 3 ธนาคารกลางหลักของโลกกำลังดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เริ่มตั้งแต่ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ที่ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ เพื่อบังคับให้ภาคธนาคารปล่อยกู้มากขึ้น (หากเก็บเงินไว้เฉยๆ มีแต่จะมูลค่าด้อยลง) แต่สภาพเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ยังไม่แข็งแรง ธนาคารไม่กล้าที่จะปล่อยกู้มากนัก เป็นที่มาว่าธนาคารกลางยุโรปอาจจะต้องเพิ่มอัตราการติดลบของดอกเบี้ยเพื่อเร่งให้ธนาคารปล่อยกู้ รวมถึงจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆ ออกมาอีก
รวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเช่นเดียวกัน และเป็นการใช้เครื่องมือดังกล่าวครั้งแรกเพื่อกดค่าเงินตัวเองให้อ่อนค่าลง ชิงความได้เปรียบในการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับธนาคารกลางของจีน ที่พยายามกดค่าเงินของตัวเองลงเพื่อแข่งขันด้านส่งออก พร้อมๆ กับเงินหยวนที่ถูกเก็งกำไรจนโดนเทขายอย่างหนัก ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงไปอย่างมาก
การที่ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นรอบนี้ถือว่าผิดแปลกไปจากทฤษฎีเดิมที่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน แต่รอบนี้น้ำมันยังเป็นขาลง ขณะที่ทองคำขึ้นสวนทาง ชัดเจนว่าตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกมองว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ไม่มีความแน่นอนใดๆ ตลาดหุ้นหลักๆ ของโลกเข้าสู่ภาวะหมี ราคาน้ำมันที่ยังไม่ฟื้นตัว และเหวี่ยงตัวแรงตามข่าว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นจึงฟื้นตัวยาก
ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิดว่า ความปั่นป่วนของระบบการเงินโลกตอนนี้ (ฝ่ายหนึ่งจะขึ้นดอกเบี้ยแต่เริ่มลังเล อีกฝ่ายพยายามลดดอกเบี้ย) อาจทำให้ราคทองคำถูกเก็งกำไรขึ้นมา แต่ไม่มีใครตอบได้ว่าจะจบลงตรงไหน เพราะราคาทองคำตอนนี้ไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานอีกต่อไป แต่เคลื่อนไหวตามข่าวเชิงนโยบายของผู้เล่นรายใหญ่ของโลกทั้งสิ้น
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง