S ตั้งงบปี 59 ที่ระดับ 1.88 หมื่นล้าน หวังใช้ลงทุน M&A พัฒนาโรงแรม และที่พักอาศัย ตามแผนการลงทุนระยะ 5 ปี
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุน 1.88 หมื่นล้านบาท ตามแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัทที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Hospitality มากที่สุดไว้ที่ 8 พันล้านบาท รองลงมาคือ ธุรกิจที่พักอาศัย 5.1 พันล้านบาท และอีก 5.7 พันล้านบาท ใช้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก คลังสินค้า และลอจิสติกส์
โดยปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเข้าซื้อ และควบรวมกิจการ (M&A) เหมือนปีที่ผ่านมา โดยสามารถลงทุนเองได้ทั้งหมด หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายยังคงเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ อย่างเช่นในอังกฤษ และยุโรป หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโลก นอกจากนี้ ยังมองธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า และลอจิสติกส์
ขณะที่บริษัทวางเป้าหมายชัดเจนโดยเฉพาะตลาดระดับซูเปอร์ ลักชัวรี ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการระดับซูเปอร์ ลักชัวรี อย่างน้อย 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคฤหาสน์หรูหราบนถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ซึ่งเป็นทำเลทองสำหรับตลาดเซกเมนต์เอบวก บนเนื้อที่ 45 ไร่ คาดว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านบาท
โดยโครงการต่อมา คือ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกหัวบนมุมถนนอโศก-เพชรบุรี (สิงห์ คอมเพล็กซ์) ที่จะเป็นอีกหนึ่งสำนักงานที่หรูหรา ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายในบริเวณประกอบด้วยส่วนค้าปลีก ที่จะมีร้านอาหารชั้นนำ ร้านบริการต่างๆ รวมทั้งธนาคาร เพื่อรองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศ และผู้อาศัยใกล้เคียง โดยส่วนออฟฟิศสูง 44 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ คาดว่าราคาเช่าจะสูงกว่าตารางเมตรละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้ ทางกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 6 ชั้นบนสุดไปแล้ว คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 และสุดท้าย คือ โครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ ลักชัวรี่ ภายในบริเวณสิงห์ คอมเพล็กเช่นกัน โดยจะเปิดจองราวไตรมาส 4 และราคาขายน่าจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 3 แสนบาท
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุน 1.88 หมื่นล้านบาท ตามแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัทที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Hospitality มากที่สุดไว้ที่ 8 พันล้านบาท รองลงมาคือ ธุรกิจที่พักอาศัย 5.1 พันล้านบาท และอีก 5.7 พันล้านบาท ใช้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก คลังสินค้า และลอจิสติกส์
โดยปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเข้าซื้อ และควบรวมกิจการ (M&A) เหมือนปีที่ผ่านมา โดยสามารถลงทุนเองได้ทั้งหมด หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายยังคงเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ อย่างเช่นในอังกฤษ และยุโรป หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโลก นอกจากนี้ ยังมองธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า และลอจิสติกส์
ขณะที่บริษัทวางเป้าหมายชัดเจนโดยเฉพาะตลาดระดับซูเปอร์ ลักชัวรี ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการระดับซูเปอร์ ลักชัวรี อย่างน้อย 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคฤหาสน์หรูหราบนถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ซึ่งเป็นทำเลทองสำหรับตลาดเซกเมนต์เอบวก บนเนื้อที่ 45 ไร่ คาดว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านบาท
โดยโครงการต่อมา คือ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกหัวบนมุมถนนอโศก-เพชรบุรี (สิงห์ คอมเพล็กซ์) ที่จะเป็นอีกหนึ่งสำนักงานที่หรูหรา ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายในบริเวณประกอบด้วยส่วนค้าปลีก ที่จะมีร้านอาหารชั้นนำ ร้านบริการต่างๆ รวมทั้งธนาคาร เพื่อรองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศ และผู้อาศัยใกล้เคียง โดยส่วนออฟฟิศสูง 44 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ คาดว่าราคาเช่าจะสูงกว่าตารางเมตรละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้ ทางกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 6 ชั้นบนสุดไปแล้ว คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 และสุดท้าย คือ โครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ ลักชัวรี่ ภายในบริเวณสิงห์ คอมเพล็กเช่นกัน โดยจะเปิดจองราวไตรมาส 4 และราคาขายน่าจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 3 แสนบาท