ศูนย์ข้อมูลฯ เผยยอดโอนกรรมสิทธิ์เดือน พ.ย.-ธ.ค.58 ทะลุ 50,300 โต 45% อานิสงส์ราคาประเมินใหม่ ภาษีมรดก มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ คาด 2 เดือนสุดท้าย มี.ค.-เม.ย.59 ก่อนสิ้นสุดมาตรการยอดโอนทะลัก แนะตรวจสอบให้ดีก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์ เผยบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ 292 โครงการ 44,500 หน่วยเพิ่มขึ้น 13% อาคารชุด 152 โครงการ 60,400 หน่วย ลดลง 17% คาด 4 เดือนแรก 59 เปิดโครงการใหม่น้อย
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในปี 2558 มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 196,100 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปี 2557 ซึ่งมีจำนวน 174,100 หน่วย หากนับเฉพาะหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2558 รวมกันมีประมาณ 50,300 หน่วย เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมปี 2557 รวมกัน
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ การเร่งโอนก่อนการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน รอบบัญชีปี 2559-2563 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2559 การเร่งโอนก่อนภาษีมรดกมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 และการโอนเพื่อสิทธิประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดว่า มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองจะส่งผลให้หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม และเมษายน 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 28 เมษายน 2559 อย่างไรก็ตาม ขอเตือนให้ผู้บริโภคตรวจสอบที่อยู่อาศัยให้ดีก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อป้องกันปัญหาภายหลังได้
ส่วนสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ 6,500 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีที่อยู่อาศัยเปิดใหม่เพียง 3,500 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรรเปิดใหม่ 2,500 ยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีจำนวน 2,300 ยูนิต ขณะที่คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 4,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 2,000 ยูนิต แต่ทั้งนี้ ถือว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะไปในทิศทางไหน แต่เชื่อว่า ช่วง 4 เดือนแรกนี้ จะยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากนัก เพราะทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายต่างให้ความสนใจกับมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมของภาครัฐก่อนที่จะหมดอายุจากนั้น จึงจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ และพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่า ในปี 2559 ยอดเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่จะยังทรงตัว โดยในช่วง 4 เดือนแรกจะยังไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภคมุ่งให้ความสนใจกับมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และการจดจำนองก่อนมาตรการหมดอายุ หลังจากนั้นจึงจะมีการเร่งเปิดโครงการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะเปิดโครงการใหม่โดยอิงปัจจัยทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจเฉพาะหน้า และพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์
ปัจจัยบวกที่สำคัญสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2559 ได้แก่ การที่ภาครัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่างๆ และการเร่งก่อสร้างโครงข่ายขนส่งคมนาคมทั้งระบบราง และระบบถนน เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง โครงการถนนเชื่อมต่อทางด่วนศรีรัชไปถนนกาญจนาภิเษก โครงการถนนสาย พรานนก-พุทธมณฑล ฯลฯ
นายสัมมา กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า ในปี 2558 ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ประเภทบ้านจัดสรรทั้งสิ้น 292 โครงการ รวมหน่วยในผัง 44,500 จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 แต่จำนวนหน่วยในผังลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งมีบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ 258 โครงการ หน่วยในผังรวม 45,200 หน่วย แสดงว่าโครงการบ้านจัดสรรโดยเฉลี่ยมีจำนวนหน่วยลดลง
จากหน่วยบ้านจัดสรรทั้งหมดที่เปิดขายใหม่ เป็นทาวน์เฮาส์ร้อยละ 55 เป็นบ้านเดี่ยวร้อยละ 31 ที่เหลือเป็นบ้านแฝด หรืออาคารพาณิชย์พักอาศัย ในปี 2558 พบว่า บ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่แบ่งตามพื้นที่จังหวัด ร้อยละ 48 อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกร้อยละ 19 อยู่ในนนทบุรี และร้อยละ 14 อยู่ในปทุมธานี ที่เหลืออยู่ในสมุทรปราการ นครปฐม และสมุทรสาคร ตามลำดับ
จากหน่วยบ้านจัดสรรทั้งหมดที่เปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในปี 2558 มีหน่วยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพียง 300 หน่วย (เป็นทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายในจังหวัดสมุทรปราการ) ทั้งนี้ ร้อยละ 49 อยู่ในระดับราคา 1.1-3 ล้านบาท ร้อยละ 28 เป็นหน่วยในระดับราคา 3.1-5 ล้านบาท และร้อยละ 22 เป็นหน่วยในระดับราคาที่สูงกว่า 5 ล้านบาท
มูลค่าโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในปี 2558 ประมาณ 183,800 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าโครงการทั้งปี 2557 ซึ่งเท่ากับ 181,500 ล้านบาท พื้นที่ซึ่งมีหน่วยบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มากที่สุดในปี 2558 ได้แก่ โซนบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย (6,400 หน่วย) โซนสมุทรปราการ (5,600 หน่วย) โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ (5,100 หน่วย) โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ (4,800 หน่วย) และโซนมีนบุรี-หนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง (4,500 หน่วย)
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุด ในปี 2558 มีอาคารชุดเปิดขายใหม่ประมาณ 152 โครงการ รวมหน่วยในผังประมาณ 60,400 หน่วย เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งมีโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ 157 โครงการ หน่วยในผังรวมประมาณ 73,100 หน่วย ดังนั้น จำนวนหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่ลดลงประมาณร้อยละ 17 จากปี 2557
สัดส่วนของห้องชุดราคาแพงกว่า 5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากร้อยละ 9 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 16 ของปี 2558 ทั้งนี้ ห้องชุดระดับราคาแพงดังกล่าวส่วนใหญ่เปิดขายในช่วงไตรมาสแรกต่อเนื่องต้นไตรมาส 2 ในขณะที่สัดส่วนของห้องชุดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากร้อยละ 53 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 42 เมื่อกับปี 2558
มูลค่าโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ในปี 2558 เท่ากับประมาณ 210,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งเท่ากับ 194,700 ล้านบาท เนื่องจากมีองค์ประกอบที่เป็นห้องชุดระดับราคาสูงมากขึ้น
พื้นที่ซึ่งมีหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่มากที่สุดในปี 2558 ได้แก่ โซนนนทบุรี (10,500 หน่วย) โซนสมุทรปราการ (8,500 หน่วย) โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง (8,000 หน่วย) และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี (7,400 หน่วย) และโซนสุขุมวิทตอนปลาย (3,900 หน่วย)