xs
xsm
sm
md
lg

เจดับเบิ้ลยูดีปีนี้ขอโต 2 หลัก เศรษฐกิจฟื้นคุมค่าใช้จ่ายต้นทุนลด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจดับเบิ้ลยูดี ปีนี้ขอโตเลข 2 หลัก หลังขยายธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ทั้งในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน รองรับเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว พร้อมเป้าหมายกำไรสุทธิโตสูงกว่ารายได้ ผลดีจากต้นทุนทางการเงินลด อีกทั้งคุมค่าใช้จ่าย ส่วนงบลงทุนตั้งไว้ราว 500-600 ล้านบาท ไม่รวมงบลงทุน M&A

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจัยการเติบโตจะมาจากการขยายธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ของ JWD ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างเป็นทางการในปี 59 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนขยายฐานการผลิตในภูมิภาคนี้ และช่วยสนับสนุนความต้องการใช้บริการด้านลอจิสติกส์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ JWD ยังตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตในอัตราที่สูงกว่ารายได้ เพราะต้นทุนทางการเงินลดลง และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขาย และการตลาด (SG&A) ได้ดีขึ้น โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะไม่ต่ำกว่า 14% และอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 35%

ส่วนงบลงทุนปี 59 บริษัทฯ ตั้งไว้ราว 500-600 ล้านบาท ไม่รวมกับงบ M&A โดยแบ่งเป็น งบลงทุนในประเทศกัมพูชา 250 ล้านบาท ที่จะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม ประเทศพม่า 100 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ ใน สปป.ลาว 100 ล้านบาท ขยายพื้นที่เพิ่มเติมหลังจากที่เปิดให้บริการไปในวันที่ 4 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา และส่วนที่เหลือใช้ลงทุนในประเทศ

ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่รับฝากสินค้าเดิมที่อยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นศูนย์รวมการเก็บ และกระจายสินค้าเข้าสู่ตู้คอนเทนเนอร์ มีพื้นที่ 9,000 ตารางเมตร และปรับปรุงพื้นที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าอันตรายอีก 6,000 ตารางเมตร โดยจะเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาส 2 นี้

นายชวนินทร์ กล่าวถึงงบลงทุนปีนี้ว่า อยู่ระหว่างรอเลือกทั้งการกู้จากสถาบันทางการเงิน และการออกหุ้นกู้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.9 เท่า ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายที่จะควบคุมให้ไม่เกิน 2 เท่า นอกจากนี้ ยังมีการระดมทุนผ่านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ซึ่งบริษัทฯ จะมีการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างเหมาะสม คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาส 2 ปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดกว้างทุกรูปแบบการลงทุนโดยมีทั้งการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการเอง หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจท้องถิ่นในแต่ละประเทศ และการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา M&A 2 ดีล ในประเทศมาเลเซีย เป็นธุรกิจกิจการห้องเย็น และลอจิสติกส์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล มูลค่าการเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 แห่ง ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุนในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนปีนี้เช่นกัน รวมไปถึงในประเทศไทย อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าข้ามแดน คาดจะสรุปในช่วงไตรมาสแรกนี้

“เรามีแผนขยายการลงทุนด้านลอจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนนี้อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในอีกหลายประเทศ เช่น พม่า สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเรามองว่าในภูมิภาคอาเซียนยังมีโอกาสขยายธุรกิจได้อีกมาก เพื่อผลักดันให้ JWD บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำธุรกิจด้านลอจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจรในอาเซียน พร้อมตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 63 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 8-10%” นายชวนินทร์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น