JWD จับมือพันธมิตรรุกขยายธุรกิจให้บริการคลังสินค้า และกระจายสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV พื้นที่รวม 6,990 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการคลังสินค้าทั่วไป และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ที่ประเทศ สปป.ลาวในวันที่ 4 มกราคมนี้ และที่พม่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนที่กัมพูชา เตรียมเปิดให้บริการช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2559 มั่นใจผลตอบรับดี ตั้งเป้าสิ้นปี 59 มีอัตราการเช่าใช้พื้นที่คลังสินค้าเฉลี่ย 60-70% ของพื้นที่คลังสินค้าในต่างประเทศทั้งหมด
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟ โลจิสติกส์ หรือ JWD กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับ RMA Group ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารบริการด่วน เช่น เดอะพิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, แดรี่ควีนส์, บาร์บีคิว ชิกเก้น, คอสต้าคอฟฟี่ ฯลฯ เพื่อขยายธุรกิจให้บริการคลังสินค้าทั่วไป และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง รวมถึงให้บริการกระจายสินค้าไปยังร้านแฟรนไชส์ดังกล่าวในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ สปป.ลาว พม่า และกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่คลังสินค้าใน 3 ประเทศรวมทั้งสิ้น 6,990 ตารางเมตร พร้อมทั้งต่อยอดการให้บริการรับขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
โดยในช่วงเดือนมกราคมนี้ บริษัทฯ พร้อมเปิดให้บริการคลังสินค้าใน สปป.ลาว มีพื้นที่รวม 750 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่คลังสินค้าทั่วไป 500 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง 250 ตารางเมตร และเปิดคลังสินค้าในพม่าเดือนกุมภาพันธ์ พื้นที่รวม 2,870 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่คลังสินค้าทั่วไป 1,500 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง 1,370 ตารางเมตร หลังจากนั้น ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 จะเปิดให้บริการคลังสินค้าในประเทศกัมพูชา พื้นที่รวม 3,370 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่คลังสินค้าทั่วไป 2,000 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง 1,370 ตารางเมตร ซึ่งการเปิดให้บริการคลังสินค้า และการกระจายสินค้าในครั้งนี้เป็นการต่อยอดการขยายบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนจากไทยไปยัง 3 ประเทศดังกล่าว ซึ่งได้เปิดดำเนินการมากว่า 2 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าการรุกธุรกิจให้บริการคลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจาก JWD มีพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน มีฐานลูกค้าที่เป็นแฟรนไชซีพร้อมจะเข้ามาเช่าพื้นที่คลังสินค้าในช่วงแรกที่เปิดให้บริการ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนการเช่าพื้นที่ในช่วงแรกประมาณ 30-40% ของพื้นที่คลังสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพื่อเข้ามาเช่าพื้นที่คลังสินค้าอีกหลายราย
“เรามั่นใจว่าการให้บริการคลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน และให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เนื่องจากเรามีองค์ความรู้ และประสบการณ์การบริหารจัดการคลังสินค้า และลอจิสติกส์มานาน โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 59 คลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 แห่ง จะมีอัตราการเช่าใช้พื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60-70% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้ JWD สามารถสร้างฐานรายได้มั่นคง และรองรับแผนงานขยายการลงทุนในต่างประเทศต่อไปในอนาคต”