xs
xsm
sm
md
lg

บล.ภัทร เปิดบริการเสริม Phatra Edge เจาะกลุ่มรายย่อย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางกุลนันท์ ซานไทไว กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
บล.ภัทร เปิดบริการการลงทุนส่วนบุคคล เน้นไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่วงเงิน 2-30 ล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปี แตะ 8 หมื่นล้าน ถึง 1 แสนล้านบาท จากเดิมปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท



นางกุลนันท์ ซานไทไว กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวการพัฒนาบริการใหม่ “Phatra Edge” หรือที่ปรึกษาวางแผนการลงทุนส่วนบุคคล เน้นกลุ่ม Mass Affluent ซึ่งมีเงินลงทุนตั้งแต่ 2-30 ล้านบาท โดยเป็นกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนสูง แต่ไม่ค่อยมีโอกาสในการได้รับคำปรึกษาเพื่อขยายโอกาสการลงทุนที่ดี และมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Phatra Edge เน้นจุดเด่นสำคัญ 3 ด้าน คือ หนึ่งเป็นตัวช่วยจัดระบบการลงทุนแบบส่วนตัว ช่วยในการวางแผนจัดพอร์ต และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแต่ละบุคคล รวมถึงให้คำแนะนำในการวางแผนการเงิน (Financial Roadmap) ที่ครอบคลุมทั้งการวางแผนภาษี แผนเกษียณ แผนการศึกษาบุตร แผนการลงทุนภายใต้การดูแลของที่ปรึกษาวางแผนการลงทุน (Investment Advisor : IA) ที่เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุน

“ฐานลูกค้ารวมในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 6,000 ราย แบ่งเป็นกลุ่ม Pratra Edge จำนวน 1,000 ราย และมีเป้าหมายเพิ่ม AUA เป็น 80,000 ล้านบาทถึง 100,000 ล้านบาท ภายในปี 3 ปี หรือปี 2561 จากปัจจุบันมีอยู่ 15,000 ล้านบาท โดยที่กลุ่ม Mass Affluent มีความต้องการบริหารเงินลงทุน เน้นกลุ่มคนทำงานที่มีเงินเดือน และฐานภาษีในอัตรา 20% ขึ้นไป และคนที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF/RMF คนเหล่านี้ต้องการตัวช่วยในการให้คำปรึกษาในลักษณะที่เป็น Solution จึงได้พัฒนาระบบ และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นตัวช่วยทางด้านการเงินให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ไปถึงเป้าหมายได้เร็ว และง่ายขึ้น”

ส่วนภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2559 บริษัทฯ มองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP จะเติบโตที่ประมาณ 2-3% โดยมีปัจจัยมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ที่น่าจะช่วยส่งเสริมการลงทุนให้สามารถเติบโตต่อไปได้ ขณะเดียวกัน ในส่วนของปัจจัยลบ เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง หรือการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังต้องจับตาดูว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าไม่ก็จะมีผลกระทบพอสมควร และความเสี่ยงของปัญหาภัยแล้งที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และกลุ่มสินค้าการเกษตร โดยมองว่าการส่งออกในครึ่งปีแรกนี้จะเติบโตประมาณ 1-2% เทียบกับปี 2558 ซึ่งติดลบ 5% ที่อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศจีน

ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งปีจะยังคงมีความผันผวน โดยมองดัชนี SET Index สิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,350-1,380 จุด ขณะที่บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะปรับลด EPS Growth ลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรให้น้ำหนักการลงทุนโดยเน้นการกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เช่น ในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น รวมถึงลงทุนในพร็อพเพอร์ตี ฟันด์ ขนาดใหญ่ ขณะที่ในส่วนหุ้นกู้ควรลงทุนอายุไม่เกิน 3 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันปีนี้อาจปรับตัวลงต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่จะเป็นระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยมองว่าทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกัน บล.ภัทร ได้พัฒนาศักยภาพในธุรกิจ Wealth management ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมมูลค่า 310,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมประมาณ 600,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น