ปลัด “คลัง” ห่วงภัยแล้งรุนแรง เกิดภาวะสงคราม สำหรับในภาคตลาดเงินตลาดทุนในปีนี้มองว่า การบริหารด้านการเงินอาจะไม่ใช่เรื่องง่าย ห่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เติบโตได้อย่างแท้จริง แต่ได้มีการเริ่มปรับขึ้นอัตรา ดบ.ไปบ้างแล้ว สวนทางต่อสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้กระแสเงินทุนในปีนี้ค่อนข้างมีความปั่นป่วน เผยมีลุ้น GDP ปีนี้โตได้ 3.9-4% พร้อมส่งสัญญาณ ดบ.ขาขึ้นช่วงปลายปี
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 นี้จะสามารถเติบโตได้ถึง 3.9-4% มากกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้ 3.8% เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในแต่ละไตรมาส
“มั่นใจว่าปีนี้มีโอกาสจะโต 3.9-4% ได้ เพราะเราได้เตรียมความพร้อมไว้พอสมควร ทั้งมาตรการต่างๆ ที่จะใส่ลงไปในแต่ละไตรมาส เราดูเป็นรายไตรมาส รายเดือนว่าเงินเข้าเท่าไร กระตุ้นได้เท่าไร ถ้าไม่พอจะใส่เงินเข้าไปใหม่ไหม จะใส่อะไรเข้าไป มาตรการรายจ่าย หรือมาตรการภาษี ตรงนี้เรามั่นใจ”
สำหรับมาตรการจากปีก่อนที่จะมีผลต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1-2 ปีนี้ คือ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 5 หมื่นล้านบาท โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท โครงการลงทุนขนาดเล็กในส่วนของภาครัฐที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ตลอดจนสินเชื่อที่ให้ผ่านธนาคารเฉพาะกิจต่างๆ ของรัฐ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเริ่มส่งผลในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ แต่สิ่งที่พึงระวัง คือ ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่มีการพูดกันว่าอาจจะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปี 54
“ผู้รู้ส่วนใหญ่ก็บอกว่าจะเกิดภัยแล้ง และน่าจะรุนแรงด้วย ประชาชน และนิคมอุตสาหกรรมอาจจะไม่มีน้ำใช้ ตอนนี้เรากำลังสรุปมาตรการไตรมาส 1 ช่วง ก.พ.-มี.ค. ภัยแล้งก็จะมาแล้ว ชาวนาบางส่วนก็ยังปลูกข้าวกันอยู่ ทั้งๆ ที่เราเตือนแล้วว่าจะเสียหายแน่ เราก็ต้องมารองรับปัญหานี้ในกรณีที่เขาไม่มีรายได้”
ส่วนไตรมาส 3 และ 4 หรือช่วงครึ่งหลังของปี 59 ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มสดใสขึ้นได้จากที่มาตรการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ของภาครัฐเริ่มจะเห็นผล เช่น การเริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในไตรมาส 3 ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงไตรมาส 3-4 ผมไม่ห่วงเท่าไร เพราะมีเงินลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ รถไฟฟ้าทุกสายเริ่มลงเสาเข็ม กองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้จะมีเงินจากภาคเอกชนมาร่วมระดมทุน รวมทั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เชื่อว่าไตรมาส 3-4 เป็นไตรมาสแห่งความโชติช่วงทางเศรษฐกิจ”
แต่อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่ที่ว่าสมมติฐานในด้านอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก และต้องไม่เกิดภาวะสงคราม อย่างไรก็ดี รัฐบาลเองได้เตรียมความพร้อมด้วยการเติบโตจากภายใน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถเติบโตได้ แม้จะต้องเผชิญต่อปัจจัยปัญหาจากต่างประเทศ
“เรามีมาตรการรองรับไว้แล้ว ถ้าเศรษฐกิจภายนอกมีปัญหาเราจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง เติบโตจากภายใน เราคงพึ่งการส่งออกได้ไม่มากแล้ว เราจะเน้นเรื่องการลงทุนของเอกชน การบริโภคในประเทศ การอัดฉีดเงินของรัฐบาล”
สำหรับในภาคตลาดเงินตลาดทุนในปีนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง มองว่า การบริหารด้านการเงินในปีนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ห่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เติบโตได้อย่างแท้จริง แต่ได้มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปบ้างแล้ว ในขณะที่สวนทางสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้กระแสเงินทุนในปีนี้ค่อนข้างมีความปั่นป่วน
ทั้งนี้ ปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้ายจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในแง่ของค่าเงิน แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเครื่องมือในการดูแลดีอยู่แล้ว และมองว่าขณะนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่มีความผันผวนมากนัก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลในเรื่องนี้
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ต้องการระดมเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจจะได้เห็นในช่วงนั้น
“เรื่องนี้คงไม่แน่ อาจจะขึ้นปลายๆ ปี เพราะถ้าไตรมาส 3-4 เงินลงทุนเยอะ จะมีการแย่งเงินลงทุนกัน ดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มขึ้นบ้างมา แต่ไม่ใช่ขึ้นแบบก้าวกระโดดมากระตุกการเติบโตของเศรษฐกิจ” นายสมชัย ระบุ