เอเชีย กรีน เอนเนอจี ปีนี้ขอโต 10-15% เน้นกลยุทธ์ลดต้นทุนต่อเนื่อง ขยายตลาดใหม่เพิ่มดันยอดขาย หลังตลาดจีนซบ พร้อมรักษามาร์จิ้นไว้ที่ 10% เล็งลุยตลาดเวียดนามหลังพบความต้องการใช้ถ่านหินสูง เตรียมขอบอร์ดจ่ายเงินปันผลหลังผลการดำเนินงานมีกำไร
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 10-15% จากปีก่อนด้วยกลยุทธ์ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมกับเน้นการขยายตลาดในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจึงทำให้ยอดขายในต่างประเทศปรับตัวลดลง บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ในการขาย ซึ่งจะมีสัดส่วนยอดขายในประเทศ 80-85% และต่างประเทศ 15-20% ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน และจะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 3% อัตรากำไรขั้นต้นไว้ราว 10%
“ปีนี้เราจะเน้นการขยายตลาดในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และราคาถ่านหินที่มองว่าปีนี้จะอยู่ในระดับทรงตัว หรือปรับตัวลดลง จากปัจจุบันราคาถ่านหินอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากโอเวอร์ซัปพลายตามราคาน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะเน้นการขายในประเทศแล้ว เรายังคงเน้นลดต้นทุนต่อเนื่องในทุกๆด้าน เพื่อรักษาอัตราส่วนของรายได้ และกำไรให้โตได้ระดับที่กล่าวมา” นายพนม กล่าว
อย่างไรก็ดี AGE ได้เริ่มมีการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งก็คือประเทศเวียดนาม และในปี 2559 บริษัทยังคงมีแผนที่จะขยายตลาดในประเทศ และตลาดในเวียดนามเพิ่มเติม รวมทั้งแผนการรุกไปยังตลาดทางเลือกใหม่ โดยบริษัทได้ส่งทีมมาร์เกตติ้งที่มีความเชี่ยวชาญในการบุกตลาดอาเซียนเข้าไปขยายฐานลูกค้า เช่น กลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า และกลุ่มโรงงานปูนซีเมนต์ ซึ่งบริษัทได้ส่งทีมมาร์เกตติ้งไปบุกตลาดมาก่อนแล้ว และตลาดนี้ก็ยังมีความต้องการถ่านหินสูงอยู่ เชื่อว่าอนาคตน่าจะมีคำสั่งซื้อถ่านหินเพิ่มเข้ามาอีก
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ AGE เตรียมสร้างโรงคัดแยกถ่านหิน (ระบบปิด) เพิ่ม คาดใช้งบลงทุนราว 45-50 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น และเน้นเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทจะขยายฐานลูกค้าในเวียดนามมากขึ้น จากปีก่อนมีสัดส่วนยอดขายในเวียดนามราว 5% ของยอดขายรวม เนื่องจากเวียดนามเริ่มมีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมทุกขนาด อีกทั้งสนใจลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อพลังงานซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อที่จะไปลงทุนในธุรกิจที่เกิดประโยชน์ได้
นายพนม กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ฟื้นกำไร ดังนั้น จึงเตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทในเดือน ก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาจ่ายปันผลงวดปี 58 ซึ่งจะกลับไปจ่ายปันผลเป็นเงินสดเหมือนปกติ จากก่อนหน้านี้ที่จ่ายเป็นหุ้น เพราะต้องการทุนสำรองเงินไว้ลงทุน