TMB Analytics แนะจับตาตัวเลข “จีดีพี” ไตรมาส 4 ของจีนที่จะออกมาในวันอังคารนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด โดยหากยังรายงานการขยายตัวได้เกินกว่า 6.8% ก็จะช่วยคลายความกังวลได้บ้าง พร้อมทิศทางราคาน้ำมันดิบหลังการยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน ส่วนทิศทางค่าเงินบาท คาดแกว่งตัวในกรอบ 36.2 ถึง 36.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แนะให้ระวังแรงขาย หากตัวเลขจีดีพีของจีนออกมาแย่กว่าที่คาดไว้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ระบุว่า สัปดาห์นี้ (18-24 มกราคม 2559) ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของจีนที่จะรายงานออกมาในวันอังคารนี้ (19 ม.ค.) จะเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด โดยหากยังรายงานการขยายตัวได้เกินกว่า 6.8% น่าจะส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลดลงไปบ้าง อีกทั้งผลจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะยังคงกดดันภาวะราคาน้ำมันต่อเนื่อง โดยจังหวะการลงทุนสัปดาห์นี้นักลงทุนควรให้ความสนใจประเด็นหลักๆ ดังนี้
จันทร์ - ทิศทางราคาน้ำมันจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
อังคาร - ทางการจีนจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของจีนซึ่งคาดว่าจะรายงานออกมาที่ระดับ 6.8%
พุธ - อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ คาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า จากราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวลดลงแม้ราคาค่ารักษาพยาบาลในประเทศจะปรับตัวขึ้น
พฤหัสบดี - คาดการประชุมธนาคารกลางยุโรปจะยังไม่มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม และคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% และคงปริมาณการทำ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
ในช่วงสัปดาห์นี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่า ค่าเงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบ 36.2 ถึง 36.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยควรระวังแรงขายบาทต่อหากตัวเลขจีดีพีของจีนรายงานออกมาแย่กว่าที่คาด ในขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี จะอยู่ในกรอบ 2.45-2.60% ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ ยังไม่เห็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำมันในระยะสั้น และคาดว่าราคาน้ำมันจะซื้อขายในกรอบ 25-35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มีแรงกดดันมากจากการที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ทำให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้งหนึ่ง
โดยสรุป ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ยังมองการซื้อขายในสัปดาห์นี้ว่าจะถูกขับเคลื่อนจาก sentiment และความกังวลของตลาดต่อเนื่องจากต้นปี ส่งผลให้ตลาดการเงินยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานเพียงเล็กน้อย โดยต้องระวังผลของการประกาศตัวเลขจีดีพีของจีน และการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเป็นหลัก