แลนดี้โฮมฯ ชี้มาตรการที่รัฐตัวปลดล็อกปัญหาความไม่เชื่อมั่นลูกค้า เชื่อเป็นปัจจัยหนุนดีมานด์คุณภาพกลับเข้าสู่ตลาดในปี 59 เตือนระวังคุณภาพงานตก แรงงานขาด แนะหันใช้ระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปช่วยลดปัญหาแรงงาน ต้นทุนก่อสร้าง ลดเวลาก่อสร้าง คาดปีหน้าตลาดขยายตัว 5-10%
น.ส.ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านที่ชะลอตัวในปีที่ 58 ไม่ได้ชะลอตัวจากสภาพเศรษฐกิจในช่วงขาลง แต่มีสาเหตุจากกระแสเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการ (ดีมานด์) ด้านคุณภาพในตลาดชะลอการสั่งสร้างบ้าน ทั้งที่มีความพร้อมด้านงบประมาณ ทั้งนี้ จากมาตรการที่ภาครัฐได้อัดฉีดสู่กลไกธุรกิจตลอดครึ่งหลังปี 58 จะเป็นตัวปลดล็อกปัญหาความไม่เชื่อมั่นดังกล่าว และจะเป็นปัจจัยในการผลักดันให้ดีมานด์คุณภาพกลับเข้าสู่ตลาดในปี 59 ซึ่งเมื่อธุรกิจโดยรวมเกิดความเคลื่อนไหว จะดึงดีมานด์ในระดับรองลงมาตัดสินใจสร้างบ้านด้วยเช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในปีหน้า คือ เรื่องคุณภาพงานก่อสร้าง และแรงงานฝีมือ รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง และการสร้างความพึงพอใจในการบริการ ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยต่างเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นเป็นวงจร เพราะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 ทั้งภาครัฐ และเอกชนต่างเริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ และโครงการที่อยู่อาศัยต ลอดจนโครงการด้านคอมเมอร์เชียลต่างๆ จำนวนมาก หลังทุกฝ่ายเริ่มมั่นใจในสถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดเกิดความต้องการแรงงานทั้งระดับทั่วไป และระดับแรงงานฝีมือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 59 จะเป็นปีแรกที่เปิด AEC อย่างเต็มรูปแบบ และจะเพิ่มโอกาสในเรื่องการจ้างงานให้แก่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เพราะอัตราค่าจ้างในไทยยังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกัน แรงงานฝีมือซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยจะมีโอกาสในการรับงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤตด้านแรงงานฝีมือ ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจึงต้องเตรียมรับมือต่อปัญหาดังกล่าว ซึ่งต้องวางแผนการจัดการในเรื่องระยะเวลาการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ และต้องพัฒนาระบบการก่อสร้างที่พึ่งแรงงานฝีมือให้น้อยลง ดังนั้น หลายบริษัทจึงได้มีการพัฒนาบ้านสำเร็จรูป หรือพัฒนาระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปทดแทน ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ของธุรกิจรับสร้างบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 59 ธุรกิจรับสร้างบ้านจะต้องวางกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างในขณะที่ยังคงมาตรฐานการก่อสร้างไว้ได้อย่างเดิม หรือดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาระบบบริหารจัดการการก่อสร้างก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อช่วยให้งานก่อสร้างเดินไปได้ตรงตามกำหนดเวลา และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตลอดจนการขยายไลน์สินค้าให้ครบวงจรด้วย
ทั้งนี้ ในปี 58 ธุรกิจรับสร้างบ้านมีมูลค่ารวมประมาณ 11,000 บาท โดย แลนดี้ โฮม คาดการณ์ว่า ตลาดรวมในปี 59 นั้น น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% โดยในปีนี้แลนดี้ โฮม มีอัตราการเติบโตในกลุ่มบ้านระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปอย่างมาก เนื่องจากลูกค้ามีความมั่นใจในความมั่นคงทางการเงิน และทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ตลอดจนพึงพอใจในแบบบ้านที่มีความสวยงาม และครบครันด้านฟังก์ชัน โดยในปี 58 แลนดี้ โฮม มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5%
