“สัมมากร” ยันอสังหาฯ ปี58 ทรงตัว เหตุขาดปัจจัยบวกกระตุ้นตลาด กำลังซื้อหดตัว คนนิยมทาวน์โฮมมากขึ้น คาดปี 59 ทาวน์โฮมคงความนิยม ระบุทาวน์โฮมขนาดเล็กรอบกรุงเทพฯ ขยายตัวสูง คอนโดฯ แนวรถไฟฟ้ายังขายได้ แต่ไม่หวือหวา หลังคนชะลอการลงทุนตามสถานการณ์เศรษฐกิจ หวังปี 59 หนี้สินครัวเรือนลดลง โครงการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 58 ยังทรงตัวจากปีก่อนหน้า เนื่องจากขาดปัจจัยบวกกระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปี ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐ ช่วยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และจำนองอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี ช่วยสร้างความมั่นใจ และกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปัจจัยลบรุมเร้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี
“ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความไม่สงบ การก่อการร้ายทั้งใน และต่างประเทศ สิ่งที่เห็นได้ชัดในปี 58 คือ มีโครงการทาวน์โฮมเกิดขึ้นจำนวนมาก และมียอดโอนทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น 16% สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคมีเม็ดเงินลดลง เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการฟังก์ชันเหมือนบ้านเดี่ยวแต่มีงบประมาณจำกัด จึงเปลี่ยนมาเลือกซื้อทาวน์โฮมที่มีราคาประหยัดกว่าทดแทน”
ทั้งนี้ ในปี 59 แนวโน้มตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์โฮม ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้น โดยจะมีโครงการทาวน์โฮมเกิดขึ้นในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงขนาดเล็ก พื้นที่โครงการ 10-15 ไร่ หรือมีขนาดเพียง 100-250 ยูนิต ส่วนคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ายังคงเติบโตมียอดขายไปได้เรื่อยๆ แต่จะไม่มียอดขายเติบโตหวือหวา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อลงทุนชะลอการตัดสินใจตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และตลาดหุ้นที่มีความผันผวน
“ปัจจัยบวกปี 59 คือ หนี้สินครัวเรือน ผลกระทบจากหนี้สินรถคันแรกจะลดลง การลงทุนของภาครัฐที่มีความคืบหน้ามากขึ้นจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ส่วนปัจจัยลบจะมาจากภายนอก เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป ซึ่งเป็นความกังวลที่ทำให้ผู้บริโภคจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้มั่นใจ”
สำหรับนโยบายรัฐบาลที่จะกวาดล้างคอรัปชันจะส่งผลดีระยะยาวกับภาคธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ และก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในปี 58 อาจยังไม่เห็นผลชัดเจน จนกระทั่งมีการประมูลคลื่นความถี่ 4G ครั้งล่าสุดที่มีการประมูลแบบโปร่งใส รัฐได้เงินเข้าคลังมากกว่าที่คาด และเม็ดเงินดังกล่าวจะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกไม่นานนี้