xs
xsm
sm
md
lg

เผย 4 ปัจจัยเสี่ยงปี 59 ที่จะส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกอย่างรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


SCB EIC คาดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายปี 59 ไม่หวือหวา ประเมินแค่ 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต่างชาติถือครองพันธบัตร รบ.ระยะสั้น ซึ่งอ่อนไหวน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงของ ดบ. แต่ยังมี 4 ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เม็ดเงินไหลออกอย่างรุนแรง พร้อมคาดค่าบาทจะอ่อนแตะ 37 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนอัตรา ดบ.นโยบาย ทรงตัว

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า ในปี 25559 การไหลออกของเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติจะไม่รุนแรง โดยมีการไหลออกของเงินทุนราว 50,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างน้อยแล้ว ดังนั้น การเคลื่อนย้ายเงินทุนในสินทรัพย์ทางการเงินจำนวนมากโดยฉับพลันจึงเกิดขึ้นยาก และจำกัดบนพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยการประเมินดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายอีก 50-100 basis points ในปี 59 อย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่มีการปรับลดขนาดงบดุลลง และมีการสื่อสารกับตลาดอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อตลาดการเงิน

ดังนั้น ประเมินว่าเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากในปี 59 แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 50-100 basis points ทว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็นจำนวนมาก และฉับพลันเกิดขึ้นได้ยาก

ทั้งนี้ เพราะมีการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายของนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างต่ำ และไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่แข็งแรง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อรายได้ประชาชาติ และทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้สินต่างประเทศระยะสั้นที่สูงกว่า ในขณะที่มีหนี้ต่างประเทศต่อรายได้ประชาชาติใกล้เคียงกับมาเลเซีย ทำให้ค่าเงินของไทยอ่อนค่าลงน้อยกว่าประเทศอื่น โดยอ่อนค่าลงเพียง 8.7%

สำหรับดอกเบี้ยนโยบาย และดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มคงตัว ในปี 59 SCB EIC มองว่าการไหลออกของเงินทุนจะเกิดขึ้นในปริมาณไม่มากเช่นเดียวกับค่าเงินบาทซึ่งอ่อนลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ต่อไป ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นจะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินคงตัวด้วยเช่นกัน

โดยในส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds Yield) ระยะกลาง และระยะยาวของไทยปรับตัวสูงขึ้นตามแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลาง และระยะยาวของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น

ดังนั้น แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยจึงเป็นไปในทิศทางขาขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอายุคงเหลือ 10 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในระยะเดียวกันในตลาดเงินโลกอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้ายังคงมีความเสี่ยงที่การไหลออกของเงินทุนจะรุนแรงกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ หากตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงเกินกว่าที่คาด หรือปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ การไหลออกของเงินทุนในปริมาณมากสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น 1) เกิดความตื่นกลัวขึ้นในตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด 2) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดขนาดงบดุลภายในปี 59

3) การชะลอตัวในเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก เช่น จีน 4) อาจเป็นผลจากความไม่มีเสถียรภาพภายในประเทศ เช่น ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ 5) หากเกิดการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาน้ำมันซึ่งจะกระทบต่อดุลการค้า ปัจจัยดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดการไหลออกของเงินทุนอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นจำนวน 85,000-147,000 ล้านบาท ซึ่งกดดันต่อค่าเงินบาทให้สามารถอ่อนลงเป็น 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
กำลังโหลดความคิดเห็น