โดย ทีมจัดการการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
ในโลกของการลงทุน นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะปรารถนาการมี “อิสรภาพทางการเงิน” (Financial Independence) หรือการมีทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ (Recurring Income) เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งครอบครัวไปตลอดชีวิต โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำงานประจำ
การฝากเงินในธนาคารพาณิชย์เพื่อรับดอกเบี้ยมักจะเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว แต่ปัจจุบันพบว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์หรือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจะยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก ยิ่งในสภาวะปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อต่ำเตี้ยเช่นนี้ จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่เราจะกลับไปมีความสุขรื่นเริงไปกับอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ในระดับเกือบ 7-8% ต่อปีดังเช่นในอดีต
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน, คอนโดมิเนียม, บ้าน) เพื่อปล่อยเช่า ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนส่วนมากนิยมกัน แต่ด้วยต้นทุนการลงทุนที่ค่อนข้างสูง (โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง) และสภาพคล่องที่ต่ำหากต้องการเปลี่ยนมือ จึงทำให้นักลงทุนหลายคนมักถอดใจกับทางเลือกดังกล่าว
วลีที่ว่า “ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยใช้ประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในกองทุนรวม ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนได้พยายามใช้ความรู้ความชำนาญเพื่อจัดสรรสินทรัพย์ทางการเงิน (Asset Allocation) ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลาย และที่สำคัญคือแค่มีเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ก็สามารถเข้าลงทุนได้แล้ว
สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ (Income Fund) ผู้เขียนมองว่ามีปัจจัยที่ต้องประกอบการพิจารณาจัดสรรสินทรัพย์ทางการเงินอยู่ 3 ประการ คือ
1. สินทรัพย์ที่เลือกลงทุนต้องสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและมีความผันผวนของกระแสเงินสดในระดับต่ำ
2. มีการกระจายการลงทุนที่เหมาะสม โดยเน้นการสร้างผลตอบแทนในรูปของรายได้มากกว่า Capital Gain และให้ความสำคัญต่อการรักษาเงินต้น (Capital Preservation)
3. สภาพคล่องในการซื้อขายสินทรัพย์ที่จะลงทุน
จากเกณฑ์ดังกล่าว เราสามารถจำแนกสินทรัพย์ที่นำมาประกอบเป็น Income Portfolio ได้ 3 ประเภทหลักดังต่อไปนี้
ตราสารหนี้ (Fixed Income Securities) : แม้ว่าเราจะอยู่ในช่วงเวลาที่ผลตอบแทนตราสารหนี้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในตราสารหนี้เพื่อต้องการ “ดอกเบี้ยรับ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อการกระจายความเสี่ยง (Diversification) และลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds), กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) : กองทุนเหล่านี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทำเลดี ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก (Yield) โดยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ไม่มากนัก ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสภาพคล่องและมูลค่าซื้อขายในตลาดฯ ที่เพิ่มขึ้น
หุ้น (Stocks): ในที่นี้จะให้ความสำคัญต่อหุ้นปันผลสูงเป็นหลัก โดยเน้นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในระดับสูง และมีธุรกิจที่มีความผันผวนของผลกำไรในระดับต่ำ (Earnings Visibility)
ผู้เขียนมองว่า Income Fund สามารถเป็นหนึ่งในสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนได้ทุกเพศทุกวัยขึ้นอยู่กับความต้องการ “ผลตอบแทนที่อยู่ในรูปแบบรายได้” ว่าจะมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี แม้ว่าการลงทุนประเภท Income Fund ดูเหมือนจะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
แต่จากสภาวะตลาดการเงินที่มีความผันผวนค่อนข้างสูงจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ไม่แน่นอนนั้น วิธีการลดความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาว และหมั่นศึกษาข้อมูลก่อนเข้าลงทุนเสมอ